ฟิทช์ จัดอันดับเครดิตภายในประเทศครั้งแรกแก่ SCAP ที่ A-(tha) แนวโน้มมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ครั้งแรกแก่ บมจ.ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 [SCAP] ที่ A-(tha) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ F2(tha) โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังได้ให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันสกุลเงินบาทของ SCAP ที่ออกเสนอขายไปแล้วที่ A-(tha) โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมียอดคงค้างรวม 7.6 พันล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดตั้งแต่ พฤศจิกายนปี 2568-กุมภาพันธ์ 2572

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตพิจารณาจากโครงสร้างอันดับเครดิตของกลุ่ม: อันดับเครดิตของ SCAP พิจารณาจากโครงสร้างอันดับเครดิตของกลุ่มบริษัทแม่ซึ่งคือ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น [SAWAD] (‘A-(tha)’/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ)

ฟิทช์เชื่อว่าอันดับเครดิตของ SCAPไม่สามารถประเมินแยกจากกลุ่มเนื่องจากขนาดของธุรกิจที่ใหญ่และมีการบูรณาการ (integration) ด้านการดำเนินงานกับบริษัทอื่นๆในกลุ่มในระดับสูง ดังนั้นฟิทช์จึงให้อันดับเครดิตของ SCAP อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของกลุ่ม SAWAD เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีบริษัทย่อยหลัก 2 บริษัทคือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด (S2014 มีขนาดสินทรัพย์และรายได้คิดเป็น 47% และ 45% ของกลุ่ม) และ SCAP (มีสินทรัพย์และรายได้คิดเป็น 33% และ 37% ของกลุ่ม) ทั้งนี้ กลุ่มกิจการมีตำแหน่งทางการตลาดและเครือข่ายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคอยู่ในระดับที่ดี

ความเสี่ยงที่สูงกว่า, อัตราส่วนหนี้สินระดับปานกลาง: อันดับเครดิตของ SCAP สะท้อนถึงเครือข่ายการดำเนินงานในธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคของกลุ่มที่มีมาอย่างยาวนาน ความสามารถในการทำกำไรที่เพียงพอ และอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งช่วยชดเชยความเสี่ยงของธุรกิจจากฐานลูกค้าที่มีรายได้ค่อนข้างต่ำซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า

การมีส่วนร่วมในระดับสูงต่อผลประกอบการของกลุ่ม: กลุ่ม SAWAD ให้บริการสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ค่อนข้างต่ำ โดย SCAP ให้บริการเช่าซื้อและสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งคิดเป็น 31% และ 3% ของสินเชื่อรวมของกลุ่ม ณ สิ้นปี 2567 ตามลำดับ ในขณะที่ S2014 มุ่งเน้นในการให้สินเชื่อจำนำทะเบียนเป็นหลัก ฟิทช์คาดว่า SCAP จะยังคงมีส่วนร่วมในระดับที่มีนัยสำคัญในการช่วยสนับสนุนเครือข่ายธุรกิจและผลการดำเนินงานของกลุ่มอย่างต่อเนื่องในระยะกลาง

มีการบูรณาการในระดับสูงและการควบคุมอย่างใกล้ชิด: SAWAD ถือหุ้น 72.05% ใน SCAP และมีการควบคุมการบริหารจัดการของบริษัทลูกอย่างมีนัยสำคัญผ่านการแต่งตั้งคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูง นอกจากนี้กลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงของทั้ง 2 บริษัทยังมีความสอดคล้องกันอย่างใกล้ชิด

ความร่วมมือในด้านการดำเนินงานและการต่อยอดธุรกิจ: SCAP และ SAWAD มีการผสานการดำเนินงานระหว่างกันอย่างใกล้ชิด SCAP ได้รับประโยชน์จากการบริการและทรัพยากรที่ใช้ร่วมกันกับกลุ่มเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของกิจการ นอกจากนี้ยังมีการผสานการดำเนินงานและการต่อยอดทางการตลาดกับบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการที่เกี่ยวข้องกัน (Cross-selling) และการแนะนำลูกค้า

การจัดหาแหล่งเงินทุนของกลุ่มสะท้อนถึงความยืดหยุ่นในการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fungibility): เงินทุนของ SCAP มีการบริหารจัดการที่ระดับกลุ่มโดยบริษัทมีเงินกู้ยืมจาก SAWAD คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 66% ของเงินกู้ยืมรวมของบริษัทลูก ณ สิ้นปี 2567 ฟิทช์คาดว่าความเชื่อมโยงด้านเงินทุนที่ใกล้ชิดนี้จะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งสะท้อนถึงความยืดหยุ่นในการจัดการสินทรัพย์หนี้สินและเงินทุนระหว่าง SCAP และ SAWAD ที่อยู่ในระดับสูง

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับเครดิตของ SCAP จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับโครงสร้างเครดิตของกลุ่ม การปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญของโครงสร้างเครดิตของกลุ่มอาจส่งผลทางลบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCAP เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้หากผลประกอบการของกลุ่มมีการปรับตัวด้อยลงอย่างมาก เช่น หากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 5.0% (ปี 2567: 3.6%) โดยไม่มีการสำรองหนี้สูญที่เพียงพอ

ประกอบกับอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยมีการปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2.0% (ปี 2567: 5.9%) เป็นระยะต่อเนื่อง หรือมีสัญญาณบ่งชี้ว่าความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของกลุ่มมีการปรับตัวอ่อนแอลงหรือระดับหนี้สินของกลุ่มมีการปรับตัวสูงขึ้น เช่น อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของทุนที่จับต้องได้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 4.0 เท่า (ปี 2567: 1.9 เท่า) อาจส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิต โดยการปรับตัวด้อยลงดังกล่าวน่าจะส่งผลให้เกิดการดำเนินการเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ SAWAD ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ การปรับตัวถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญในการมีส่วนร่วมของ SCAP ต่อผลประกอบการรวมของกลุ่มและหากความเชื่อมโยงของ SCAP ต่อกลุ่มมีการปรับตัวด้อยลง อาจส่งผลให้ฟิทช์มีการประเมินแนวทางการจัดอันดับเครดิตใหม่ และอาจส่งผลเชิงลบต่ออันดับเครดิตได้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจบ่งชี้ได้จาก การปรับตัวลดลงของส่วนร่วมของ SCAP ต่อผลประกอบการกลุ่ม (contribution)

ทั้งในด้านสินทรัพย์ ส่วนของผู้ถือหุ้น หรือรายได้ ที่ลดลงต่ำกว่า 25% หรือระดับการบูรณาการและการควบคุมจากบริษัทแม่ที่ด้อยลง เช่น หาก SAWAD ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงต่ำกว่า 70% การลดระดับการควบคุมการบริหารจัดการหรือการบูรณาการในการดำเนินงานต่างๆ การลดระดับการผสานและการต่อยอดทางธุรกิจ การเชื่อมโยงในด้านชื่อและตราสัญลักษณ์หรือการตลาดที่อ่อนแอลง หรือการลดระดับการสนับสนุนจาก SAWAD ในด้านการจัดหาเงินทุนและสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในปัจจัยดังที่กล่าวมาในระยะสั้น อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ SCAP อาจถูกปรับลดอันดับลงเป็น F3(tha) หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวถูกปรับลดอันดับลงเป็น BBB(tha)

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

โครงสร้างเครดิตของกลุ่มที่ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอาจส่งผลเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของ SCAP โดยอาจบ่งชี้ได้จากการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของคุณภาพสินทรัพย์และโครงสร้างการจัดหาเงินทุน (funding profile) ของกลุ่ม ซึ่งบ่งชี้ได้จากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ปรับตัวดีขึ้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.5% อย่างต่อเนื่อง และมีอัตราส่วนการสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงกว่า 100% และสามารถดำรงสภาพคล่องของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นได้ตลอดช่วงวัฏจักรของธุรกิจ ในขณะที่กลุ่มยังคงสามารถรักษาโครงสร้างความเสี่ยงให้มีความสม่ำเสมอสอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อ จากปัจจัยที่ได้กล่าวมานี้ ฟิทช์เห็นว่าโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตนั้นยังจำกัดในระยะสั้นนอกจากนี้การประเมินอันดับเครดิตก็จะพิจารณาเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศจากฟิทช์ด้วยเช่นกัน

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ SCAP อาจถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น F1(tha) หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCAP ได้รับการปรับเพิ่มอันดับ

อันดับเครดิตตราสารหนี้และอันดับเครดิตอื่น: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน: อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันของ SCAP อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท แสดงถึงภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท และอยู่ในระดับเดียวกันกับตราสารหนี้อื่นที่มีภาระผูกพันในลักษณะเดียวกัน โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีการกำหนดเงื่อนไขสัญญา (Covenant) ที่บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นปีไม่เกิน 6.0 เท่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 เม.ย. 68)

Tags: , , ,