แนะรัฐกลัดกระดุมทีละเม็ด! แก้กม.-ทำประชามติก่อนลุย Entertainment Complex

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวในวงเสวนา Roundtable “Entertainment Complex Game Changer for Thailand” โดยระบุว่าปัจจุบัน คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งความเห็น ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) มายังรัฐบาลแล้ว ซึ่งมีการปรับปรุงแก้ไขในหลายประเด็นที่เป็นข้อห่วงใยของสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่ในการจัดตั้ง, เกณฑ์ของผู้เข้าไปใช้บริการ โดยขณะนี้ กระทรวงการคลังกำลังรอรับความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งยินดีที่จะฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ก่อนที่จะนำร่าง พ.ร.บ.ส่งกลับไปให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอีกครั้ง เพื่อนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไปในเร็ว ๆ นี้

“กฤษฎีกาส่งกลับมาแล้ว ยอมรับว่าแก้เยอะ แต่ก็ตอบข้อห่วงใยของสังคมได้ดี กระทรวงคลังจะส่งกลับไป ครม. เพื่อให้ส่งไปสภาฯ เพื่อเริ่มกระบวนการทางกฎหมาย ทั้ง 3 วาระ จะมีการลงมติทุกขั้น คงจะพิจารณาได้ในเร็ว ๆ นี้ จะเร่งให้พิจารณาเพื่อถกกันในสภาฯ” รมช.คลัง ระบุ

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทย เริ่มเป็นช่วงขาลงตั้งแต่ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยจะเห็นว่า GDP ที่เคยเติบโตได้ถึงระดับ 10% แต่เริ่มลดลงมาเหลือ 5% และลงมาอยู่ที่ 2% ในปีก่อน ซึ่งรัฐบาลมองว่าไม่เพียงพอที่จะเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงประชาชนในประเทศได้

ดังนั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นเป้าหมายสำคัญเป้าหมายหนึ่งของรัฐบาล ซึ่งประเทศไทยไม่มีตัวขับเคลื่อนใหม่ ๆ ทางเศรษฐกิจมานานแล้ว ดังนั้น Entertainment Complex จึงถือเป็น Business Model ตัวหนึ่งที่ในหลายประเทศหยิบยกขึ้นมาใช้แล้วประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นที่ดูไบ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น มาเก๊า แต่ทั้งนี้ในส่วนของไทยจะเป็น Model ที่เป็น “Tourist Man made Destination ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สามารถรองรับกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ทั้งครอบครัว

รัฐบาลจึงยกร่างกฎหมาย Entertainment Complex ว่าเป็นการให้บริการเพื่อการท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ หรือนันทนาการในรูปแบบของบัญชีท้ายตาม พ.ร.บ. ในหลายประเภทรวมกัน (โรงแรม สวนสนุก สวนน้ำ ศูนย์การค้า ศูนย์ประชุม ร้านอาหาร) ร่วมกับกาสิโน เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศให้เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น

รมช.คลัง ย้ำว่า การให้มีกาสิโน อยู่ใน Entertainment Complex นั้น ไม่ใช่กาสิโนในรูปแบบ Stand alone แต่เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่อยู่ใน Entertainment Complex ซึ่งหากไม่มีกาสิโน จะทำให้ขาดแม่เหล็ก หรือขาดแรงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาอย่างน้อยในระดับแสนล้านบาทได้

สำหรับข้อห่วงใยของสังคมต่อการมีกาสิโนนั้น ยืนยันว่ามีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ผ่านการร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ซึ่งมาจากการรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเข้มงวดในการกำหนดผู้เข้ามาใช้บริการ การเก็บค่าแรกเข้า เงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อสกรีนบุคคลที่จะเข้ามาใช้บริการ และบรรเทาข้อห่วงกังวลต่าง ๆ ของสังคม

นอกจากนี้ ในกฎหมายยังมีการกำหนดการกำกับดูแลของคณะกรรมการถึง 2 ชั้น ทั้งคณะกรรมการระดับบริหาร และคณะกรรมการระดับนโยบาย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบขั้นสูงสุดที่จะให้กับสังคมได้

“นี่คือความรับผิดชอบขั้นสูงสุดของรัฐบาล ที่จะให้กับสังคมได้ คือการเอานายกรัฐมนตรีมารับผิดชอบด้วย ถ้าเดินหน้าแล้วมีปัญหา เดินหน้าแล้วมีทุจริตคอรัปชั่น ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้น ต้องมีความโปร่งใส…กลไกที่โปร่งใส รอบคอบ และพิสูจน์ได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ” นายจุลพันธ์ ระบุ

สำหรับข้อกังวลเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น การค้ามนุษย์ การค้าประเวณี การฟอกเงิน ทุนเทานั้น เป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญและระมัดระวังอย่างมาก จึงมีความพยายามในการมีกลไกกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ รอบคอบ และรัดกุม ขณะเดียวกัน เชื่อว่านักลงทุนจะไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย เพราะจะถูกถอนใบอนุญาตการทำธุรกิจไม่เพียงแค่ในไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในประเทศอื่น ๆ ที่มีการไปลงทุนด้วย จึงมองว่าอาจจะไม่คุ้มอย่างแน่นอน

  • แนะรัฐทำประชามติ ก่อนเดินหน้า Entertainment Complex

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (ร่าง กม.Entertainment Complex) เพราะการมี “กาสิโน” ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะมีสัดส่วนอยู่ใน Entertainment Complex มากน้อยเพียงใดก็ตาม พร้อมมองว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายจะเดินหน้าให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย จะถือเป็นฟืนอีกก้อนที่เติมเชื้อไฟให้กระแสต่อต้านจากสังคมแรงขึ้น

“มีฟืนอีกก้อนที่รอเติม คือ จะทำการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย นี่คือแฝดนรก ท่านจะทำทั้งบ่อนบนดิน บ่อนออนไลน์ ตีคู่กันมาแบบนี้ ประชาชนหวาดเสียวมาก ต้องคิดให้ดี เพราะเป็นเรื่องใหญ่…รัฐบาลควรกลับไปทำใหม่ ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ และจะไม่รับเทียบเชิญไปให้ความเห็นในสภาฯ เพราะมองว่ากฎหมายนี้ ไม่ควรได้เข้าสภาฯ เพราะมีจุดอ่อนเยอะ กฎหมายหลวมมากเกินไป และเป็นอันตราย…เพราะเมื่อกฎหมายได้เข้าไปแล้ว เชื่อว่าจะผ่านสภาฯ แน่นอน” นายธนากร กล่าว

ทั้งนี้ หากรัฐบาลยืนยันจะเดินหน้านำร่างกฎหมายเข้าสภาฯ เชื่อว่าจะมีคนไปร้องเรียนแน่ เพราะไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลได้หาเสียงไว้อย่างชัดเจนแต่แรกว่าจะทำเรื่องการพนันถูกกฎหมาย ดังนั้น ควรจัดให้มีการทำประชามติก่อน ซึ่งขณะนี้ เรากำลังรวบรวมรายชื่อให้ได้ 50,000 รายชื่อ เพื่อขอให้มีการทำประชามติเรื่องการจัดตั้ง Entertainment Complex

“ตอนนี้ได้รายชื่อมาครึ่งทางแล้ว หากรัฐบาลใจกว้าง รัฐบาลควรเปิดให้ทำประชามติได้ทันที ไม่ต้องรอให้ประชาชนลงชื่อครบ 50,000 รายชื่อ…หากจะเอา พ.ร.บ.นี้เข้าสภาฯ เหมือนไม่รอประชาชนเลย เพราะจริงๆ เราเคยพูดมานานแล้ว ว่าจะขอให้ทำประชามติก่อน ขอให้รัฐบาลรอประชาชนก่อน” เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุ

นายธนากร ตั้งคำถามว่า การจัดตั้งกาสิโน ซึ่งถือเป็นพื้นที่เล่นพนันแบบเข้มข้น (Hard Gambling) หากรัฐบาลคิดจะทำเรื่องการพนันให้ถูกกฎหมาย เหตุใดจึงไม่แก้ พ.ร.บ.การพนันก่อน โดยเฉพาะการจะเดินหน้าพนันออนไลน์ ซึ่งควรไปแก้ไข พ.ร.บ.การพนันจะดีกว่า โดยมองว่าเป็นการทำไปทีละขั้นตอน กลัดกระดุมทีละเม็ด ไม่ใช่ข้ามไปยกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขึ้นมาใหม่เลย

ทั้งนี้ การมัดรวมแต่ละธุรกิจเข้ามาไว้ใน Entertainment Complex นั้น จริง ๆ แล้วแต่ละธุรกิจเองก็มีกฎหมายเฉพาะของธุรกิจอยู่แล้ว เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ดังนั้นในเมื่อจะมีการตั้งกาสิโน เหตุใดรัฐบาลจึงไม่ออก พ.ร.บ.กาสิโน ซึ่งอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.การพนัน แต่กลับมาออกเป็นร่าง พ.ร.บ.ใหม่ คือ พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งอาจถูกมองได้ว่าจะเป็นการออกเป็นซูเปอร์ไลเซ่นส์ให้แก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาต Entertainment Complex หรือไม่

“เหตุใดรัฐบาลถึงไม่แก้โครงสร้าง พ.ร.บ.การพนัน เสียที ทั้ง ๆ ที่คิดจะทำเรื่องการพนัน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลควรกลัดกระดุมทีละเม็ด ด้วยการแก้ พ.ร.บ.การพนันเสียก่อน ทำ พ.ร.บ.นี้ให้มีความแข็งแรง ทันสมัย ให้รับกับนโยบายของฝ่ายการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีก่อน ทำโครงสร้างทั้งหลาย ทั้งปวงที่ควรจะมี ให้อยู่ใน พ.ร.บ.การพนัน ขึ้นโครงสร้าง ขึ้น Gambling regulator Authority ตั้งหน่วยงานที่ดูแลผลกระทบขึ้นมา ส่วนจะมีกองทุนหรือไม่ ก็ว่าไป” นายธนากร ระบุ

  • วัดความพร้อมไทย เปิด Entertainment Complex

ด้าน น.ส.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การจัดตั้ง Entertainment Complex ในประเทศใดนั้น มี 2 ประเด็นที่ใช้พิจารณาว่าประเทศนั้น ๆ มีความพร้อมหรือไม่ กล่าวคือ 1.ประเทศที่มีความพร้อม จะต้องมีการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ในระดับต่ำ และมีกลไกภาครัฐที่สามารถกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากกลไกภาครัฐไม่สามารถกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ควบคุมการพนันได้ยาก และจะนำมาซึ่งปัญหาทางสังคม ทั้งการฟอกเงิน การติดการพนัน ปัญหาอาชญกรรมร้ายแรง การลักพาตัว การเรียกค่าไถ่ การข่มขืน ทั้งหมดคือผลกระทบต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจ และจากรายงานในต่างประเทศ พบว่า อาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากกาสิโน ซึ่งจะลดการลงทุนจากต่างประเทศลงอย่างมาก สะท้อนจากตัวอย่างในประเทศเพื่อนบ้าน 2. ประเทศที่มีความพร้อม จะสะท้อนจากประชากรมีคุณภาพ ประชากรรายได้ต่ำมีจำนวนน้อย

ดังนั้นเมื่อมาพิจารณาในส่วนของประเทศไทย จากข้อมูลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อยู่ที่ 16 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด อีกทั้งต้องยอมรับว่าปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ ปัจจุบันการคอร์รัปชั่นของไทยอยู่ลำดับที่ 107 ของโลก

“ดังนั้น การที่รัฐบาลบอกว่าห่วงใยประชาชน แต่เปิด Entertainment Complex แล้วไม่อยากให้คนติดการพนัน ก็ต้องยอมถามกลับไปว่า กลไกรัฐที่มีการทุจริตรุนแรงนั้น รัฐบาลจะสามารถบังคับใช้กฎหมาย เพื่อดูแลในส่วนนี้อย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่” น.ส.ชิดตะวัน ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)

Tags: , , ,