นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น [SINO] เปิดเผยถึงกลยุทธ์การดำเนินงานใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 68-72) บริษัทตั้งเป้ารายได้แตะระดับ 10,000 ล้านบาท จากการเติบโตในระดับภูมิภาค การขยายคลังสินค้า และขยายตัวของธุรกิจ Air Freight พร้อมมุ่งขยายสัดส่วนรายได้ Air Freight ให้มากขึ้นแตะระดับ 500 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 60 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ขณะที่ธุรกิจบริการ Sea Freight จะอยู่ที่ 85% ใน 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ตั้งเป้ารายได้รวมปี 68 ที่ 4,300 ล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อน และมีปริมาณการขนส่งสินค้ารวม 53,000 ตู้เพิ่มขึ้นเกือบ 8% โดยเดินหน้าขยายธุรกิจบริการ Air Freight ด้วยกลยุทธ์การเพิ่มขีดความสามารถและขยายฐานลูกค้า เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพารายได้ในระยะยาวกลุ่มธุรกิจบริการ Sea Freight ที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักในปัจจุบัน
ขณะที่แผนการดำเนินงานปี 68 จะมุ่งขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศัยภาพการเป็นผู้นำให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร วางงบลงทุนปีนี้ 60 ล้านบาท ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงระบบไอทีของบริษัท และปัจจุบันยังมีเงินจาก IPO เหลืออยู่
ณ สิ้นปี 2567 มีสัดส่วนรายได้มาจาก Sea Freight 96% Air Freight 1% และ Logistics Support 3% ของรายได้รวม ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จาก Air Freight เพิ่มขึ้นเป็น 3% จากกลยุทธ์ที่บริษัทเดินหน้าขยายบริการ Air Freight มากขึ้นจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทย่อย บริษัท เอสเอ็นซี คาร์โก้ เซอร์วิสเซส จำกัด (SNC) เพิ่มศักยภาพในการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างครบวงจร และอยู่ระหว่างกำลังเจรจาซื้อกิจการ (M&A) ขนส่งทางอากาศในประเทศคาดเห็นความชัดเจนในครึ่งปีแรก ซึ่งจะทำให้ปริมาณการขนส่งทางอากาศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดหวังรายได้ 100 ล้านในปีนี้ และตั้งเป้าเป็นตัวแทนการขายระวางสินค้าแต่เพียงผู้เดียว (General Cargo Sales Agent – GSA) ในปีหน้า อีกทั้งในอนาคตมีแผนที่จะเจรจา M&A อีกบริษัทเข้ามาหนุนรายได้ธุรกิจดังกล่าวเติบโตมากขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเริ่มต้นเจรจา
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจบริการ Sea Freight ให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน ล่าสุดได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในประเทศเวียดนาม จัดตั้งบริษัทร่วมทุนและสำนักงานในเวียดนามเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลในเส้นทางเวียดนาม – สหรัฐฯ และจากเวียดนามไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ได้ในเร็ว ๆ นี้ คาดว่าจะมีปริมาณขนส่งสินค้าในปีแรกประมาณ 900 ตู้ โดยเวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตและมีศักยภาพด้านการส่งออก อย่างไรก็ตามหากสหรัฐปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากเวียดนาม มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้ามากนัก เนื่องจากประเมินว่าสหรัฐ ยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากเวียดนามที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า นอกจากนี้บริษัทเตรียมหารือกับพาร์ทเนอร์เพื่อตั้งสาขาย่อยในอินโดนีเซีย คาดชัดเจนในไตรมาส 4/68
“นอกจากเวียดนาม ปีนี้เราจะขยายในพื้นที่อินโดนีเซียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เราคิดว่า ถ้าเราทำ 3 ประเทศได้ครบ คือมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม จะทำให้การเป็นผู้นำขนส่งภูมิภาคมีมากขึ้น เรามีความต้องการขยายการให้บริการในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ครบในปีนี้ “
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจบริการให้เช่าคลังสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยแผนดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาด้านทำเลที่ตั้งและความคุ้มค่าในการลงทุน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ จากปัจจุบันที่มีบริการให้เช่าคลังสินค้า 2 แห่ง ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง มีพื้นที่รวมประมาณ 20,000 ตารางเมตร ซึ่งการขยายคลังสินค้าจะขยายตามดีมานด์ของลูกค้า นอกจากนี้การขยายคลังสินค้าบริษัทจะร่วมมือกับ บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ [SJWD] ในการใช้คลังสินค้าของ SJWD
“ภาพรวมธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ แม้มีปัจจัยความไม่แน่นอนของภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบกับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าจากจีนและประเทศในภูมิภาคอาเซียนไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มองว่าแม้สหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆ ที่เกินดุลการค้า แต่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าบางรายการที่ไม่สามารถผลิตได้เอง และต้นทุนการผลิตสินค้าบางประเภทก็ยังคงสูงกว่าการนำเข้าภายใต้อัตราภาษีใหม่ ขณะที่การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ” นายนันท์มนัส กล่าว
นายกวิล กฤษเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน SINO กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้รวม 3,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,810 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท จากการวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจ และการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในมาเลเซียเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อขยายธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลแก่ลูกค้า รวมถึงค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจบริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ และบริการให้เช่าคลังสินค้า มีรายได้อยู่ในระดับที่ดี
ขณะที่ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง มีอัตราหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ย 0.56 เท่า และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 311 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความพร้อมด้านเงินทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปลายปี 2566 พร้อมรองรับแผนงานขยายธุรกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)
Tags: SINO, นันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์, หุ้นไทย, ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น