พาณิชย์-หอการค้าฯ ถกความร่วมมือชูจุดแข็งไทย ลุยเจรจา FTA-ดูแลสินค้าเกษตร-ปราบธุรกิจเถื่อน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ หารือ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ถึงแนวทางผลักดันการค้าการลงทุนของไทยในปี 68 โดย รมว.พาณิชย์ ได้นำเสนอถึงการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ที่จะช่วยสร้างโอกาสการค้าไทย ทั้งการเดินหน้าเจรจา FTA ไทย-อียู, การดูแลสินค้าเกษตร และปราบปรามสินค้าด้อยคุณภาพ พร้อมทั้งรับฟังความเห็นและข้อเสนอในการประชุมวันนี้ เพื่อไปบูรณาการการทำงานต่อไป

นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างใกล้ชิด ภายใต้หลักการทำงานแบบพาณิชย์เชิงรุก นโยบาย คือ 80:20 โดย 80% เน้นสนับสนุนภาคเอกชน และผู้ประกอบการให้เติบโต ส่วนอีก 20% เน้นการกำกับดูแล ตรวจสอบ เช่น เรื่องสินค้าด้อยคุณภาพ

“สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยเวลานี้ ถือว่ามาถูกทาง ประเทศไทยเราแย่มา 10 ปี เราโตเฉลี่ยปีละ 1.9% มา 10 ปี เราโตต่ำแบบนี้ การจะแก้ถือว่าไม่ง่าย และไม่เร็ว แต่ขอย้ำว่าทิศทางดีขึ้นมาก ส่งออกไทยปี 67 โต 5.4% มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งออกเดือนม.ค. สูงถึง 13.6% เดือนก.พ. ก็น่าจะขยายตัวดีในระดับเดียวกัน สอดรับกับที่เราประเมินว่า การส่งออกจะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตในภาพรวม เครื่องจักรทางเศรษฐกิจดีขึ้นทั้งหมด ทั้งการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้มีสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวเราก็ดี การลงทุนของภาครัฐก็ดี” รมว.พาณิชย์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ภาคประชาชนยังมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งต้องขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับหน่วยต่าง ๆ แก้ปัญหาหนี้ รวมทั้งขอให้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคเอกชน ช่วยกันคิดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องหนี้กันอย่างไร โดยอยากให้ช่วยพิจารณาเสนอแนะแนวทางเข้ามา

นายพิชัย ได้นำเสนอนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการขับเคลื่อนร่วมกับภาคเอกชน เพื่อสร้างโอกาสการค้าไทย ประกอบด้วย

  • การเร่งเจรจา FTA และเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่ทำสำเร็จไปแล้ว คือ FTA ไทย-เอฟต้า และไทย-ภูฏาน ที่กำลังเร่งเจรจาต่อมาคือ FTA ไทย-อียู ซึ่งจากการหารือร่วมกับนายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้าฯ ซึ่งตั้งเป้าร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถบรรลุผลการเจรจา FTA ภายในวันที่ 25 ธ.ค. 68

ส่วน FTA ฉบับอื่น ๆ ก็จะเร่งเจรจาทั้งไทย-เกาหลีใต้, ไทย-ยูเออี, อาเซียน-แคนาดา เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทั้งหมดนี้ ในการขยายตลาด ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ และดึงดูดนักลงทุน

  • การดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อปรับโครงสร้างการส่งออก ทั้ง AI, Data Center และ PCB ซึ่งทยอยเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นในอนาคต
  • การชูไทยเป็นคลังอาหารของโลก เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งประเทศตะวันออกกลางให้ความสนใจอย่างยิ่ง
  • การดูแลและผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง รวมทั้งการดำเนินนโยบายทลายทุนผูกขาดข้าว เปิดเสรีข้าว
  • การสร้าง Thailand Brand การันตีคุณภาพสินค้าของผู้ประกอบการรายย่อยของไทย
  • การปรับโฉม Thai SELECT เทียบชั้นมิชลินสตาร์
  • การส่งเสริมสินค้า Thailand Next Level เพื่อยกระดับแบรนด์สินค้าไทย
  • การแก้ปัญหาสินค้า/ ธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งล่าสุด ได้มีการตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศผิดกฎหมาย เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า การจดทะเบียนธุรกิจ และธุรกิจนอมินีทั่วประเทศ เพื่อทำให้ความเข้มข้นของการปราบปรามดียิ่งขึ้น ไปจนถึงการเตรียมการรับมือต่อมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ

ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมวันนี้ นับเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ได้ชี้แจงถึงข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อหอการค้าไทยอย่างมาก โดยส่วนที่เห็นเป็นปัญหาร่วมกัน คือ เรื่องหนี้ และผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน โดยหอการค้าไทย มีความพอใจที่รัฐบาลเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้กับรายย่อย โดยเฉพาะกรณีรถกระบะที่ถูกยึด ซึ่งได้ช่วยเหลือเพื่อให้มีการปล่อยกู้ เพื่อให้นำรถกระบะกลับไปประกอบอาชีพได้ต่อ

นอกจากนี้ ได้พูดคุยถึงการรับมือกับนโยบายการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้รับทราบว่ารัฐบาลได้ทำงานล่วงหน้าไปแล้ว และยินดีที่จะจับมือกับภาคเอกชน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างใกล้ชิด

นายสนั่น กล่าวว่า ในวงประชุมวันนี้ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ยังได้รับฟังความเห็นและข้อเสนอต่าง ๆ จากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย

  • การแก้ปัญหาส่งออกน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมล่วงหน้าไปจีน
  • การปนเปื้อนสาร BY2 ต่อการส่งออกทุเรียนไทย
  • การเตรียมการรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
  • การเร่งผลักดัน FTA เพื่อขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ ทั้งแอฟริกา ตะวันออกกลาง ยูเรเซีย และทบทวน FTA ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • การเข้าร่วมงาน China International Supply Chain Expo (CISCE) รวมทั้งการรับฟังข้อเสนอถึงโอกาสและอุปสรรคการค้าในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเวียดนาม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มี.ค. 68)

Tags: , , , , , ,