JCR คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ A และมุมมองระดับมีเสถียรภาพ

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ A และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)

โดยมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารหนี้สาธารณะ ดังนี้

– JCR คาดว่า เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real Gross Domestic Product (GDP) Growth) อยู่ที่ 2.5% ในปี 2567 และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 อันเป็นผลมาจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงิน ที่จะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้จ่ายของภาคเอกชน และการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

– แม้ว่าการขาดดุลทางการคลังจะยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูง ที่ 4.5% ในปี 2568 ซึ่งเป็นผลส่วนหนึ่งจากการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลไทยยังคงรักษาระดับฐานะการคลังให้อยู่ในระดับที่ดี (Good Fiscal Position) ส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Public Debt to GDP) อยู่ที่ 63.2% ในปี 2567

โดย JCR เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการหนี้สาธารณะ เพื่อรักษาระดับหนี้สาธารณะไม่ให้เกินกรอบเพดานสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ 70% อีกทั้งหนี้สาธารณะส่วนใหญ่ เป็นการออกพันธบัตรรัฐบาลภายในประเทศ และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะคงค้าง ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.0%

– JCR มองว่า รัฐบาลไทยได้ใช้มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Investments) โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ การลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ถึงแม้ว่าผลจากการดำเนินนโยบายทางการค้าของสหรัฐอเมริกา อาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตดังกล่าว แต่ยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป

– ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) มีความแข็งแกร่ง และทุนสำรองระหว่างประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และสามารถรองรับผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยภายนอก (External Shocks) ได้

– ปัจจัยสำคัญที่ JCR จะติดตามสำหรับพิจารณาการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของประเทศไทย คือ อัตราการเกิดที่ลดลงและการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ อาจจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 68)

Tags: , , , ,