นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำในปี 2568 ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบัน (YTD) (วันที่ 14 มี.ค. เวลา 14.00 น.) ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 362.08 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ +13.80% ล่าสุดเพิ่งทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ที่ 2,993.86 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเข้าใกล้กับเป้าหมายที่วายแอลจีเคยให้ไว้ที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ และมีเป้าหมายถัดไปที่ 3,100 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ขณะเดียวกันราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน โดยล่าสุดได้ขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ที่ 47,550 บาทต่อบาททองคำ แม้จะลดช่วงบวกลงมาบ้างหลังจากเงินบาทแข็งค่า แต่ตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบัน YTD (วันที่ 14 มี.ค. เวลา 14.00 น.) ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 5,100 บาทต่อบาททองคำ หรือ +12.03% และมองว่าภาพรวมปีนี้ทองคำจะยังเป็นขาขึ้น แม้จะมีแรงเทขายทำกำไรสลับออกมาบ้างในระยะสั้น
โดยราคาทองคำที่ปรับขึ้นมานั้นได้รับแรงหนุนหลักมาจากแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องด้วยนักลงทุนมีความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากภายหลังการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า 25% ต่อเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐ สหภาพยุโรป (EU) และแคนาดาได้มีการตอบโต้ ด้วยการประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ มูลค่า 2.6 หมื่นล้านยูโร และ 3.0 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา ตามลำดับ และล่าสุด EU ได้เรียกเก็บภาษี 50% ต่อวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐ แต่หลังจากนั้นไม่นาน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ตอบโต้กลับทันที โดยเผยผ่าน Truth Social ว่าจะเรียกเก็บภาษีต่อผลิตภัณฑ์สุราและแอลกอฮอล์ จาก EU สูงถึง 200%
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ในช่วงสามสัปดาห์ข้างหน้าจนกว่าจะเริ่มใช้มาตรการภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในประเด็นสงครามการค้า ที่มีส่วนเพิ่มมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐตามไปด้วย อีกทั้งจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ ในเดือนก.พ. ของสหรัฐ ที่พบว่าชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่าคาดการณ์ ทั้งในฝั่งผู้บริโภค (CPI) และฝั่งผู้ผลิต (PPI) ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2568 มากกว่าที่ส่งสัญญาณไว้ที่ 2 ครั้ง ซึ่งกดดันการพยายามฟื้นตัวขึ้นของค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าซื้อทองต่อเนื่องในปีนี้ นำโดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่ถือครองทองคำเพิ่มในเดือนก.พ.เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยเข้าซือเพิ่มขึ้น 0.16 ล้านทรอยออนซ์ รวมถึงกองทุน SPDR Gold Trust กลับมาเพิ่มการถือครองทองคำในปี 2568 สู่ระดับ 33.29 ตัน สะท้อนกระแสเงินทุนที่ไหลกลับเข้าสู่กองทุน ETF หลังจากกระแสเงินทุนไหลออกต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกันในปี 2566 – 2567
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 68)
Tags: YLG, ฐิภา นววัฒนทรัพย์, ทองคำ, ราคาทองคำ, วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส