ความมั่งคั่งของครัวเรือนอเมริกันเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 4/2567 โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ที่แสดงให้เห็นว่า ความมั่งคั่งสุทธิของครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.64 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า แตะระดับ 169 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมูลค่าการถือครองหุ้นของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นเกือบ 2.64 แสนล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม การเติบโตโดยรวมถูกจำกัดจากการลดลงของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์
รายงานระบุว่า นักลงทุนได้รับผลตอบแทนอย่างมากจากการพุ่งขึ้นของราคาหุ้นหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากชัยชนะของปธน.ทรัมป์ หรือที่เรียกว่า “Trump Trade” โดยคาดการณ์ว่าพรรครีพับลิกันจะเดินหน้านโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจในสมัยที่สองของปธน.ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดหุ้นกลับพลิกผันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมูลค่าตลาดหายไปมากถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัว เนื่องจากนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ รายงานของเฟดระบุว่า ผู้บริโภคเพิ่มการกู้ยืมในอัตรา 3.1% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 โดยสินเชื่อที่ไม่รวมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (non-mortgage credit) เพิ่มขึ้น 2.6% ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัย (mortgage debt) ขยายตัวชะลอลง
ขณะเดียวกัน เงินฝากของครัวเรือนและองค์กรไม่แสวงหากำไร ซึ่งรวมถึงบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเช็ค และกองทุนตลาดเงิน เพิ่มขึ้น 5.78 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 ส่งผลให้ยอดรวมแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 19.4 ล้านล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 68)
Tags: ตลาดหุ้น, ธนาคารกลางสหรัฐ, ภาคครัวเรือน, สหรัฐ, เฟด