โบรกมองตั้ง TESGX หยุดยั้งการไหลออกจาก LTF แม้มองบวกแต่อาจส่งผลดีต่อตลาดไม่มากเท่าคาดหวัง

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วานนี้รัฐบาลประกาศจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ย้ายการลงทุนใน LTF มาอยู่ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษที่จัดตั้งขึ้นใหม่คือ TESGX กำหนดให้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้ 300,000 บาท ส่วนอีก 200,000 บาทจะใช้สิทธิลดหย่อนได้ปีละ 50,000 บาทเป็นเวลา 4 ปี

อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหน่วยลงทุนจะต้องแจ้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนและโอนหน่วยลงทุน LTF ที่เหลือไปยังกองทุน TESGX ใหม่ ภายในเดือนมิ.ย. 68 นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทแก่นักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน TESGX ช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.68 และถือจนครบ 5 ปี

กระทรวงการคลังประเมินว่าน่าจะมีเงินลงทุนในกองทุน LTF 1.8 แสนล้านบาทหรือ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ประมาณ 75% ย้ายเข้ามาลงทุนใน TESGX และคาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่กองทุนอีกราว 3 หมื่นล้านบาท เท่ากับคาดว่าจะมีเงินลงทุนในกอง TESGX ราว 1.65 แสนล้านบาท ขณะที่กอง TESGX จะต้องลงทุนอย่างน้อย 65% ในหุ้นที่ปฏิบัติตามหลักการ ESG อย่างเคร่งครัด และมากกว่า 80% ในสินทรัพย์ที่กองทุนสามารถลงทุนได้คล้ายกับ TESG ส่วนที่เหลืออีก 20% จะลงทุนในโทเคนดิจิทัลเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม/เพื่อความยั่งยืน

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่าน่าจะมีเงินลงทุนใน LTF เพียงครึ่งเดียวที่จะย้ายมาลงทุนใน TESGX ใหม่ ส่วนเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนใน TESGX น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยเชื่อว่าการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี/กองทุนอาจเป็นความพยายามของรัฐที่จะชดเชยประเด็นความล่าช้าในการแจกเงินให้กับคนไทยที่มีอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคนภายใต้โครงการดิจิทัล วอลเล็ตเฟส 3 ซึ่งรัฐบาลวางแผนจะแจกเงินในช่วงไตรมาส 2/68 และไตรมาส 3/68 นี้ ขณะที่การแจกเงินเฟส 4 ให้กับคนไทยที่มีอายุ ระหว่าง 21-60 ปียังไม่แน่นอน

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ความตึงเครียดระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ยังกระทบต่อ sentiment ของตลาด อีกทั้งกองทุน LTF ที่ไม่ได้ย้ายไป TESGX ซึ่งน่าจะเหลืออีกประมาณ 9 หมื่นล้านบาท สามารถขายคืนได้ตลอดเวลา จึงยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้ เชื่อว่าถึงแม้สิทธิประโยชน์ทางภาษีล่าสุดที่รัฐบาลเพิ่งประกาศออกมาน่าจะช่วยให้ sentiment ของตลาดดี ขึ้น แต่ยังคงเป้าดัชนี SET สิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,380 จุด เท่ากับ P/E 14 เท่า ในปี 69 หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี เพื่อสะท้อนปัจจัยลบทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นจึงยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและหุ้นในกลุ่มปลอดภัย

นอกจากนี้ ยังมองว่าหุ้นที่มีราคาร่วงลงแรงก่อนหน้านี้น่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าเมื่อ sentiment ตลาดกลับมาฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางการเมืองและการที่สหรัฐฯอาจปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยยังเป็น downside risk ส่วนสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่น่าจะช่วยหนุนตลาด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 68)

Tags: , ,