ว่าที่ร.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทีมงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรึกษาหารือเรื่องที่ฝ่ายค้านยื่นคำโต้แย้งเรื่องให้ถอดชื่อคนนอกออกจากญัตติ โดยมีนายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานในการหารือ
โดยประธานสภาฯ เห็นว่า ญัตติที่พาดพิงถึงบุคคลภายนอก ถือว่าไม่ถูกต้องตามข้อบังคับการประชุมและตามรัฐธรรมนูญ จึงมีดุลยพินิจว่า ฝ่ายค้านจะต้องแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยตัดชื่อบุคคลภายนอกออก ซึ่งยึดตามบรรทัดฐานในอดีต โดยให้สำนักการประชุมได้ตรวจสอบแล้ว ในอดีตไม่มีญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กล่าวถึงชื่อบุคคลภายนอก มีแต่ใช้คำว่าบุคคลในครอบครัว อดีตสมาชิก ไม่มีการระบุชื่อโดยตรงในญัตติ จึงถือเป็นบรรทัดฐาน
อย่างไรก็ตาม ญัตติที่การกล่าวถึงบุคคลภายนอกเคยมีเมื่อปี 2529 โดยมีการกล่าวถึงชื่อบริษัทหนึ่ง แต่ในยุคนั้นมีเอกสิทธิ์ คุ้มครอง 100% แม้พาดพิงบุคคลภายนอกก็ไม่สามารถฟ้องร้องได้ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญพัฒนามา หากพาดพิงบุคคลภายนอกให้เสียหาย ก็สามารถฟ้องร้องได้ ก็ไม่มีส่วนที่ระบุว่า เมื่อมีการอภิปรายแล้ว บุคคลภายนอกสามารถมายื่นคำชี้แจงได้ ต้องแยกส่วนต่างหาก เพราะเป็นส่วนของการอภิปราย แต่กรณีนี้เป็นการระบุชื่อในญัตติ เมื่อญัตติเผยแพร่ มีชื่อบุคคลภายนอกแล้ว บุคคลที่มีชื่อไม่สามารถที่จะชี้แจงในลักษณะถ้าไม่ถูกอภิปรายได้ถือเป็นกรณีที่แตกต่างกัน
“ท่านประธานจึงไม่ได้ให้บรรจุระเบียบวาระ จริงอยู่ส่วนหนึ่งบอกว่าหากมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอกก็พร้อมรับผิดชอบ แต่ท่านก็บอกว่าในฐานะที่ท่านเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ หากชื่อของบุคคลภายนอกไปปรากฏในญัตติปรากฏต่อสาธารณชนแล้ว ท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเหมือนกัน เพราะท่านเป็นคนอนุญาต ใช้อำนาจอนุญาตให้บรรจุญัตติในส่วนนี้ ท่านประธานจึงเห็นว่าคนที่จะต้องตัดบุคคลภายนอกออกไป ตอนนี้ท่านมีดำริให้นโยบายมา ว่าถ้าไม่แก้ ก็ไม่บรรจุ” เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าว
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในนามสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ก็จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่า ให้แก้ไขญัตติดังกล่าว ซึ่งหากแก้ไขและยื่นกลับมาเลย จะทันการอภิปราย ในวันที่ 24 มี.ค. นี้ แต่หากยื่นมาหลังวันที่ 19 มี.ค. ก็จะไม่ทันการอภิปรายในสมัยประชุมนี้ เพราะจะปิดสมัยประชุมในเดือนเม.ย. แล้ว
ด้าน นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาฯ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าเพื่อให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านน่าจะถอยไปอีกก้าวหนึ่ง และเวลาที่อภิปรายแม้ไม่ระบุชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็เชื่อว่าสังคมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงคิดว่าไม่เห็นมีข้อแตกต่างอะไรมากนักในการที่ระบุชื่อหรือไม่ระบุชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้
ดังนั้น เพื่อให้เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ครั้งนี้ จึงอยากให้เป็นข้อคิดของฝ่ายค้านช่วยลองนึกคิดพิจารณา และคำนึงถึงสาระสำคัญ ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่าเอาเรื่องอื่นที่มีความสำคัญน้อยกว่ามาเป็นประเด็นหลัก ถ้าไม่มีการอภิปรายก็จะรู้สึกเสียดาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)
Tags: อภิปรายไม่ไว้วางใจ, อาพัทธ์ สุขะนันท์