เงินบาทเปิด 33.72 แนวโน้มแกว่ง sideways ในกรอบ 33.60-33.80 รอปัจจัยใหม่

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.72 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากปิดสัปดาห์ก่อน ที่ระดับ 33.64 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวน ทยอยอ่อนค่าลง ในลักษณะ Sideways Up หลังเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ตามการส่งสัญญาณของประธานเฟด ที่ย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย และคงมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีทิศทางที่ดี (ขณะที่ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มเกิดภาวะ Stagflation)

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ ตลาดรอลุ้นรายงานเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ พร้อมจับตาพัฒนาการของปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ อย่างการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้า ส่วนปัจจัยฝั่งไทย ตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนก.พ. ที่อาจมีแนวโน้มทยอยปรับตัวสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย

สำหรับแนวโน้มเงินบาท อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน บนความผันผวนที่สูงกว่าปกติ ทั้งนี้ แนวโน้มเงินบาทจะขึ้นกับทิศทางราคาทองคำด้วยเช่นกัน โดยหากราคาทองคำยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจนอีกครั้ง

“เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ ๆ เพิ่มเติม โดยต้องจับตาทิศทางเงินดอลลาร์ เงินหยวนจีน รวมถึงราคาทองคำ”

นายพูน ระบุ

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.80 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.21 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ ที่ระดับ 147.38/42 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0868 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ ที่ระดับ 1.0860/0866 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.750 บาท/ดอลลาร์
  • “อิ๊งค์” นัดประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ เคาะดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 วงเงิน 1.75 แสนล้าน แจก 17.5 ล้านคน ลุ้นกลุ่มวัยรุ่น 16-20 ปี 2 ล้านกว่าคน ได้ใช้ก่อน เริ่มกลาง พ.ค. หรือต้น มิ.ย. พร้อมรื้อเงื่อนไขใหม่ ยกเลิกสินค้าต้องห้าม
  • นายกรัฐมนตรี, รมว.คลัง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีการหารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อหามาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นให้มีความเชื่อมั่น นักลงทุนกลับมาซื้อขายเช่นเดิม และต้องการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เติบโต 3.5% โดยภายในเดือน มี.ค.นี้ จะมีความชัดเจนเรื่องมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นและผลักดันให้จีดีพีไทยไปถึงเป้าหมายให้ได้
  • “สนั่น” เผย 13 มี.ค.นี้ “นายกฯ อิ๊งค์” เชิญ กกร.หารือวางแผนรับมือทรัมป์ 2.0 หลังก่อนหน้านี้ กกร.เสนอให้ตั้งทีมเฉพาะกิจเตรียมความพร้อมก่อนส่งออกไทยเดี้ยง พร้อมแนะรัฐแจงไทยก็เสียเปรียบดุลการค้าบริการสหรัฐฯ ต่อเนื่องด้วย
  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นในวันนี้ (10 มี.ค.) ว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 2.576 แสนล้านเยน (1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนม.ค. โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ญี่ปุ่นขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เนื่องจากยอดนำเข้าทะยานขึ้น
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 151,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 159,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0% ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวในการประชุมว่าด้วยนโยบายการเงินสหรัฐฯ ที่มหาวิทยาลัยชิคาโกเมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.) ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวที่ดี ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังไปสู่เป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ นอกจากนี้ พาวเวลกล่าวว่า เฟดจะรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนที่เฟดจะดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวม 0.76% ภายในสิ้นปีนี้ โดยเริ่มในเดือนมิ.ย.
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้นำในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีเมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.) ว่า เขากำลังทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพวกเขา และจะยังคงสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทฯ ต่อไป
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ม.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค, ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ., ดัชนีความเชื่อมั่นและมุมมองคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค (เบื้องต้น) สำหรับเดือนมี.ค. รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มี.ค. 68)

Tags: , ,