STX ลุยซื้อเหมืองใหม่เพชรบุรีรับดีมานด์โครงสร้างพื้นฐานโต โชว์งบปี 67 นิวไฮในรอบ 5 ปี

นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สโตนวัน [STX] เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัททำสถิติรายได้และกำไรสูงสุดในรอบ 5 ปี นับจากปี 2563 ด้วยความเชี่ยวชาญด้านหินอุตสาหกรรมและแร่โดโลไมต์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ทำให้ STX อยู่ในจังหวะเติบโต ด้วยศักยภาพธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีแผนขยายเหมืองใหม่ รองรับดีมานด์จากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ มอเตอร์เวย์, รถไฟฟ้า และนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการก่อสร้างภาคเอกชนที่โตรองรับการขยายเมือง

ปัจจุบัน STX อยู่ระหว่างการเข้าซื้อเหมืองใหม่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี เป็นเหมืองหินปูนที่ได้รับอนุญาตประทานบัตร เป็นอายุประทานบัตร 29 ปี ด้วยปริมาณสำรองหินปูนตามประทานบัตร 25 ล้านตัน จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรม และทำให้บริษัทสามารถรองรับคำสั่งซื้อในอนาคตได้มากขึ้น โดยจะนำเสนอแผนการลงทุนของเหมืองใหม่เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนปีนี้ สนับสนุนโอกาสการเติบโตในระยะยาว

“ธุรกิจเหมืองหินและแร่ เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้ยาก เพราะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้เงินลงทุนสูง จึงเป็นโอกาสของ STX ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เนื่องจาก ธุรกิจเหมืองของบริษัทอยู่ใกล้แหล่งก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ สร้างความได้เปรียบแก่บริษัท เนื่องจากต้นทุนการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน” นายทรงวุธ กล่าว

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 51.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.72 ล้านบาท หรือเติบโต 36.1% มีรายได้รวม 456.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.31 ล้านบาท หรือ 23% จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์หินแกรนิตจากเหมืองหนองข่าที่เพิ่มขึ้นถึง 89.63 ล้านบาท จากภาวะอุตสาหกรรมก่อสร้างในแถบภาคตะวันออกมีการเร่งเดินหน้าในโครงการขนาดใหญ่ และปริมาณหินก่อสร้างขนาด 20 มม. มีความต้องการสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาของหินแกรนิตปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์แร่โดโลไมต์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 30.52 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัว จากอุตสาหกรรมเหล็กและกระจกที่เติบโต

ส่วนผลิตภัณฑ์หินปูนมียอดขายลดลง 28.95 ล้านบาท จากการชะลอตัวของภาคการก่อสร้างโดยรวมในพื้นที่แถบจ.ราชบุรี ทำให้ความต้องการหินก่อสร้างลดลงและการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นจากเหมืองใกล้เคียง ส่งผลให้ภาพรวมในปี 2567 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากหินแกรนิต หินปูน และแร่โดโลไมต์ อยู่ที่ 48%, 37% และ 15% ของรายได้ตามลำดับ

“ในปี 2567 ถือเป็นอีกปีแห่งการเติบโตครั้งใหญ่ของเรา ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการ EEC ที่กลับมาเร่งพัฒนา รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจหลายด้าน เช่น การขยายสินค้าใหม่กลุ่มผลิตภัณฑ์โดโลไมต์ การปรับโครงสร้างโลจิสติกส์ การขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจแทนการพึ่งพาอุตสาหกรรมก่อสร้างเพียงอย่างเดียว และการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อระดมทุนขยายกิจการ และการเข้าซื้อเหมืองหินแหล่งใหม่เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรม ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น” นายทรงวุธ กล่าว

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเดินหน้า ESG ควบคู่กับการขยายตัวทางธุรกิจ กลุ่มบริษัทได้รับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 ระบบสีเขียว (Green System) ในปี 2567 กลุ่มบริษัทได้รับรางวัลรักษามาตรฐานเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining Award) ประเภทเหมืองแร่และโรงโม่หิน รวมถึงสถานประกอบการตามมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR-DPIM) จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ โดยได้รับทั้ง STX และบริษัท ราชบุรี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (บริษัทย่อย)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 68)

Tags: , , ,