CH โชว์กำไรปี 67 ทะยานกว่า 120% เป้าปี 68 ดันรายได้โต 8-10% ตรึงมาร์จิ้น 16%

นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจริญอุตสาหกรรม [CH] กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจปี 68 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 8-10% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้น 16% มุ่งเน้นกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเดิม เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความหลากหลาย เพิ่มตัวเลือกให้แก่ผู้บริโภค เสริมศักยภาพการแข่งขัน โดยเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมเพื่อสุขภาพ ผลไม้อบแห้งปรุงรส ผลไม้อบกรอบ ภายใต้แบรนด์ Bangkok Tasty ที่มีรสชาติหลากหลายตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพและความสะดวกสบาย ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น เข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ ควบคู่กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้สู่กลุ่มนักท่องเที่ยวในวงกว้างมากขึ้น

ธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง มุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์กับฐานลูกค้าเดิมทั้งรายใหญ่ และรายย่อย ยึดมั่นมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ การส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดเวลา ในกรอบราคาที่เหมาะสม พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ ในกลุ่มประเทศ อเมริกาและยุโรป เพิ่มขึ้น

สำหรับผลประกอบการงวดปี 67 บริษัทมีรายได้ 2,275.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,827.10 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 24.55% และมีกำไรสุทธิ 127.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 56.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 125.44%

ไตรมาส 4/67 บริษัทมีรายได้ 505.94 ล้านบาท บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 469.37 ล้านบาท จำนวน 36.57 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 7.79% และมีกำไรสุทธิ 20.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 1.55 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 1,218.71% เป็นผลจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ และเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าเดิม โดยรับรู้รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม คือ 1.) กลุ่มผลิตภัณฑ์ ผลไม้อบแห้ง 2.) กลุ่มผลิตภัณฑ์ ปลากระป๋อง และ 3.) กลุ่มผลิตภัณฑ์ ขนมเพื่อสุขภาพ แบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็น 90.37%, 8.75% และ 0.88% ตามลำดับ

“ผลประกอบการของ CH ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นขยายตลาดใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งใน และต่างประเทศ รวมถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 รวม 391.55 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 37.69% เป็นผลมาจากยอดขายรวมของสินค้าของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และจากกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเราจะพยายามรักษาอัตรากำไรนี้ไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ผ่านการขยาย และปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย ด้วยการใช้น้ำน้อยลงในขั้นตอนการผลิต เพื่อรองรับการขยายตัวการผลิต และลดน้ำเสีย และการนำเสนอการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษ และผลิตภัณฑ์จากไม้ที่ได้รับการรับรองจาก Forest Stewardship Council (FSC) ให้กับลูกค้า เพื่อลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะผลไม้ ผ่านโปรเจกต์ที่ทำอย่างต่อเนื่องกับทางบริษัท อัพไบโอ จำกัด หรือ UPBIO” นายศักดา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.พ. 68)

Tags: , , ,