BEAUTY ลั่นก้าวสู่ปีแห่งการพลิกฟื้น-เพิ่มมูลค่าแบรนด์ด้วย 5 กลยุทธ์หลักหวังเห็นผลชัดเจนครึ่งปีหลัง

นางสาวธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ [BEAUTY] กล่าวว่า ปี 68 จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟูและสร้างมูลค่าใหม่ให้กับแบรนด์ “BEAUTY BUFFET”

การดำเนินงานมุ่งเน้น 5 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1. Rebranding & Store Renovation ปรับภาพลักษณ์ แบรนด์และร้านให้มีความทันสมัย สนุกสนาน ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคปัจจุบัน 2. Product Transformation ปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งใหญ่ ตอบสนองความต้องการของตลาด 3. Growth-Driven Marketing สร้างการตลาดที่ขับเคลื่อนการเติบโต 4. Optimized Sales Channels พัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายทุกรูปแบบ เร่งยอดขายทั้งในและต่างประเทศ 5. Organizational Culture & Workplace Transformation ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรและสภาพแวดล้อมการทำงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ คาดว่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของ BEAUTY ในช่วงครึ่งปีหลัง 68

นางสาวธัญญาภรณ์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของ BEAUTY ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบและความท้าทายของสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจของบริษัทฯ ประกอบด้วย ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศ การลดลงของกำลังซื้อ ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การแข่งขันที่รุนแรงของตลาดเครื่องสำอาง และมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศที่มีการปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม BEAUTY ได้ปรับกลยุทธ์และดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจ แต่กระบวนการดังกล่าวใช้ระยะเวลานาน และยังไม่ส่งผลบวกต่อรายได้ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้บริษัทจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการดำเนินงานครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายให้ธุรกิจสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง

สำหรับผลประกอบการปี 67 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 437 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 441 ล้านบาท ขาดทุนที่ไม่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ 31.05 ล้านบาท และขาดทุนทางบัญชีสุทธิ 115.82 ล้านบาท

รายได้รวมของบริษัทชะลอลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการหดตัวของตลาดต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในหลายภูมิภาค ส่งผลให้ยอดขายในตลาดต่างประเทศลดลง 14.65%

อย่างไรก็ตาม ตลาดในประเทศมียอดขายเติบโตที่ 5.83% ซึ่งเป็นการเติบโตสวนทางกับกำลังซื้อผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยช่องทางโมเดิร์นเทรดยอดขายเพิ่มขึ้น 32.96% เป็นผลมาจากกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ช่องทาง General Trade ยอดขายเพิ่มขึ้น 96.86% และช่องทางอีคอมเมิร์ช ยอดขายเพิ่มขึ้น 9.72%

สำหรับผลขาดทุนทางบัญชีสุทธิ 115.82 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งเป็นการจ่ายครั้งเดียวที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (Non-routine expenses) จำนวน 84.77 ล้านบาท ประกอบด้วย กลับรายการสำรองสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีสำหรับรายการขาดทุนทางภาษีที่ยังไม่ได้ใช้ (Deferred Tax Loss Reversal) 60.03 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายชดเชยพนักงานจากการปรับโครงสร้างองค์กร 10.08 ล้านบาท การตั้งค่าเผื่อบรรจุภัณฑ์เสื่อมสภาพ (Stock Provision) 11.58 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายจากการปิดสาขาที่ไม่มีประสิทธิภาพในการทำกำไร 2.17 ล้านบาท และ สำรองด้อยค่าสาขาปิด 0.91 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ จะมีผลขาดทุนที่ไม่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ จำนวน 31.05 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.พ. 68)

Tags: , , ,