สศก. ปลื้มปี 67 สินค้าปศุสัตว์-ประมงผ่านรับรองคุณภาพสินค้าเกินเป้า สร้างมูลค่าเพิ่ม

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยผลการดำเนินโครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรด้านปศุสัตว์และประมงในปีงบประมาณ 2567 ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีสถานประกอบการสินค้าปศุสัตว์และอุตสาหกรรมฮาลาลด้านปศุสัตว์ได้รับการตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าปศุสัตว์แล้ว 72,137 แห่ง คิดเป็น 136.15% จากเป้าหมาย 52,985 แห่ง, ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับการตรวจประเมิน 15,724 แห่ง คิดเป็น 102.18% จากเป้าหมาย 15,388 แห่ง รวมทั้งตรวจประเมินสถานที่ผลิต/แปรรูปสัตว์น้ำ และสถานประกอบการอื่นๆ 1,790 แห่ง คิดเป็น 108.09% จากเป้าหมาย 1,656 แห่ง

ขณะที่มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเข้าร่วมโครงการในปี 2567 ได้รับการติดตาม แนะนำ ให้คำปรึกษา จากเจ้าหน้าที่ โดยเป็นการให้คำแนะนำด่านการเลี้ยง การแจ้งเตือนการต่ออายุใบรับรองมาตรฐานฟาร์ม GAP การเก็บตัวอย่างจากฟาร์มไปตรวจวิเคราะห์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาด การให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิควิธีการเลี้ยง การป้องกันรักษาโรคเบื้องต้น รวมถึงมีการช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ กรณีที่เกษตรกรมีการร้องขอ ส่งผลให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายน้ำนมดิบให้สหกรณ์โคนมฯ ได้ในราคาเฉลี่ย 21.95 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 4.43% อีกทั้งสมาชิกที่บริหารจัดการฟาร์มได้ตามมาตรฐาน GAP จะได้รับค่าน้ำนมดิบเพิ่มประมาณ 0.20-0.50 บาทต่อกิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการจดบันทึกข้อมูลการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อกำหนดที่ต้องถือปฏิบัติ จึงควรให้คำแนะนำ เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญที่ได้จากการจดบันทึกข้อมูล ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ เจ้าหน้าที่ของกรมประมงในพื้นที่มีการเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรมีความพร้อมในการตรวจประเมินฟาร์มมาตรฐาน และสุขอนามัยฟาร์ม จากนั้นจะดำเนินการส่งรายชื่อเกษตรกร/ผู้ประกอบการดังกล่าว เข้ารับการตรวจประเมินมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย จากการสำรวจ พบว่า ราคาเฉลี่ยของกุ้งขาวที่เกษตรกรจำหน่ายได้คือ 165 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 3.13%

สำหรับการเชื่อมโยงด้านตลาด พบว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่ผลิตสินค้าเกษตรแบบพันธะสัญญา (contract farming) กับบริษัทเอกชนที่รับซื้อในราคาที่ตกลงกันตั้งแต่ต้นเรียกว่าราคาประกัน ซึ่งสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงทางด้านรายได้ให้แก่เกษตรกรเมื่อทำการเกษตรสมัยใหม่ และผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาด โดยเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งในจังหวัดเพชรบุรีได้ตั้งชมรมผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มในการเพิ่มอำนาจต่อรองกับผู้รับซื้อ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 และมีการจัดงานมหกรรมเกี่ยวกับกุ้งทุกปี โดยมีการเชิญเกษตรกรที่มีความเชี่ยวชาญในการเลี้ยงกุ้งมาแบ่งปันความรู้ รวมถึงเชิญผู้ผลิตลูกกุ้ง ผู้รับซื้อกุ้ง ผู้ขายอาหารกุ้งมาเจรจาระหว่างกัน

นอกจากนี้ ด้านมูลค่าการผลิตสินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบมูลค่าการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยในปี 2566 กับปี 2567 ของเกษตรกร/ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าปศุสัตว์และสัตว์น้ำปลอดภัย พบว่า ก่อนเข้าร่วมโครงการ (ปี 2566) เกษตรกรมีมูลค่าการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยเฉลี่ยรายละ 4,109,171.31 บาทต่อปี และหลังเข้าร่วมโครงการ (ปี 2567) เกษตรกรมีมูลค่าการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยเฉลี่ยรายละ 4,421,936.57 บาทต่อปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ยรายละ 312,765.26 บาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 7.61%

ในปีงบประมาณ 2568 สศก.ยังคงติดตามผลการดำเนินงานด้านปศุสัตว์และประมงอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการตรวจสอบรับรองประเมินฟาร์มโรงงาน และร้านค้าจำหน่ายสินค้าปศุสัตว์ให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์กำหนด 52,958 แห่ง รวมทั้งมีเป้าหมายตรวจประเมินฟาร์มสัตว์น้ำมาตรฐานและสุขอนามัยฟาร์ม ตรวจประเมินสถานที่ผลิต/แหล่งแปรรูป/ห้องปฏิบัติการ รวม 17,005 แห่ง

เบื้องต้นจากการลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานภาพรวมระยะ 4 เดือน (ต.ค 67-ม.ค.68) มีฟาร์มโรงงานและร้านค้าจำหน่ายสินค้าปศุสัตว์ได้รับการตรวจสอบแล้ว 39,458 แห่ง คิดเป็น 74.51% ของเป้าหมาย, ฟาร์มสัตว์น้ำ สถานที่ผลิต/แหล่งแปรรูป/ห้องปฏิบัติการได้รับการตรวจประเมินแล้ว 5,145 แห่ง คิดเป็น 30.26% ของเป้าหมาย

นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการฯ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ พบว่า สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด ดำเนินกิจกรรมตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ โดยดำเนินการตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ให้แก่เกษตรกร/ผู้ประกอบการแล้ว 540 แห่ง คิดเป็น 63.31% จากเป้าหมาย 853 แห่ง และสำนักงานประมงจังหวัด ดำเนินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพสินค้าประมงสู่มาตรฐานโดยเตรียมความพร้อมในการตรวจประเมินฟาร์มมาตรฐานให้เกษตรกร/ผู้ประกอบการผู้เลี้ยงสัตว์น้ำแล้ว 31 ราย คิดเป็น 53.45% จากเป้าหมาย 58 ราย โดยจะเน้นไปที่เกษตรกร/ผู้ประกอบการที่มีความจำเป็นต้องใช้ใบรับรองเพื่อประกอบการค้าขายก่อนเป็นลำดับแรก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.พ. 68)

Tags: , , , ,