สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวกับเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลเม็กซิโกว่า เม็กซิโกควรเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน โดยเป็นส่วนหนึ่งการดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรตามคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แหล่งข่าวระบุว่า ลุตนิกถ่ายทอดข้อความดังกล่าวในระหว่างการประชุมกับคณะผู้แทนจากเม็กซิโก ซึ่งรวมถึงมาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ณ ทำเนียบขาว เมื่อวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) โดยเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และเควิน แฮสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เข้าร่วมในการประชุมนี้ด้วย
คลอเดีย เชนบาม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ได้เพิ่มความพยายามในการควบคุมสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ตลอดจนเพื่อเอาใจรัฐบาลของทรัมป์ที่ขู่ว่าจะเก็บภาษี 25% จากเม็กซิโก
แหล่งข่าวระบุว่า เม็กซิโกไม่ได้ให้คำมั่นใด ๆ เกี่ยวกับจีนในระหว่างการประชุม ซึ่งสิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานจากทั้งสองประเทศเพื่อสำรวจปัญหาการค้าและภาษีศุลกากรต่อไป
เอบราร์ดระบุผ่านโพสต์บนเอ็กซ์ว่า การประชุมที่กรุงวอชิงตันเป็นจุดเริ่มต้นของ “การหารืออย่างสร้างสรรค์และความร่วมมือที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันจันทร์”
ทั้งนี้ ทรัมป์เรียกร้องให้เม็กซิโกและแคนาดาพยายามมากขึ้นในจำกัดการไหลเข้าของผู้อพยพและยาเสพติดเฟนทานิลสู่สหรัฐฯ มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับภาษีนำเข้า 25% ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในวันที่ 1 ก.พ. อย่างไรก็ตามทำเนียบขาวได้เลื่อนการบังคับใช้ภาษีดังกล่าวออกไปเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้กำหนดภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 68)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, จีน, ภาษีนำเข้า, ภาษีศุลกากร, สหรัฐ, เม็กซิโก