นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) คาดว่าในปี 68 ทรูจะรายงานกำไรสุทธิ และน่าจะจ่ายเงินปันผลในอัตรามากกว่า 50% ครั้งแรกหลังการควบรวมและฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่จะมีการตั้งด้อยค่าทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการพัฒรพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ที่ยังมีเสาโทรคมนาคมที่ซ้ำซ้อนออกให้เหลืออยู่ 5,000 site ในครึ่งปีแรกหรืออย่างช้าไตรมาส 3/68
TRUE คาดการณ์รายได้จาการบริการในปี 68 เติบโต 2-3% จากปีก่อน 1.65 แสนล้านบาท โดยธุรกิจโทรมือถือ แม้จำนวนผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง แต่ในแง่รายได้ต่อเลขหมาย/เดือน (ARPU) ยังมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะพรีเพดที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนธุรกิจออนไลน์ ผู้ใช้บริการที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยยังมีเพียง 50-55% มองว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ส่วน EBITDA ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 8-10% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.24 หมื่นล้านบาท ซึ่งอัตราการเติบโตสูงกว่ารายได้ เนื่องจากปีนี้รับรู้ผลประโยชน์การควบรวมเต็มปี การปรับปรุงโครงข่าย (Network Modernize) ที่จะครบ 100% ภายในปีนี้ จากปีก่อนทำได้ 77%
รวมถึงการยกเลิกการใช้คลื่น 850MHz และ 2300MHz หลังสิ้นสุด 3 ส.ค.68 ซึ่ง TRUE เตรียมเข้าประมูลคลื่น 2300MHz ในไตรมาส 2 /68 ซึ่งจะทำให้รายจ่ายต่ำกว่าเดิมที่มีค่าเช่าใช้ 2 คลื่นจาก บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ( NT) จำนวน 1.7 พันล้านบาท/ไตรมาส หากเปลี่ยนมาจ่ายค่าใบอนุญาตแทนจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ EBITDA Margin ในปี 68 จะดีขึ้น เพราะรับรู้ผลจากการควบรวม TRUE จึงปรับคาดการณ์จากเดิมคาดอยู่ที่ 59% เป็น 63% และเป้าหมายในปี 70 ปรับขึ้นเป็น 67% จากเดิมคาด 63%
สำหรับหนี้สินในไตรมาส 4/67 ลดลงมาที่ 4.09 แสนล้านบาท จากไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 4.44 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับเงินสดเข้ามากขึ้น ซึ่งนำไปใช้หนี้คืน และต้นทุนการเงินก็ลดลง คาดว่าในปี 68 หนี้สินสุทธิ ต่อ EBITDA จะลดลงมาที่ 4 เท่าและ 3.2 เท่าในปี 70 จากปี 67 อยู่ที่ 4.2 เท่า เพราะมีเงินสดในมือมากขึ้น
ทั้งนี้ หนี้ที่มีกำหนดการชำระในช่วงปี 68-70 มีจำนวน 8.91 หมื่นล้านบาท , 7.3 หมื่นล้านบาท และ 9.9 หมื่นล้านบาทตามลำกับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 68)
Tags: TRUE, ทรู คอร์ปอเรชั่น, นกุล เซห์กัล, เงินปันผล