บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ธนาคารไทยเครดิต [CREDIT] ประกาศเป้าหมายทางการเงินในปี 68 ระหว่างการประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า ธนาคารยังคงเป้าสินเชื่อเติบโตระดับ 2 หลัก หลังจากปี 67 เติบโตได้ถึง 13.2% สูงสุดในกลุ่มธนาคาร โดยจะเน้นการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ micro SME รวมถึง Home Equity Loan และสินเชื่อส่วนบุคคล
ขณะที่เป้าหมายส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) อยู่ที่ 8.5-9.0% จากปี 67 ที่ 8.6% อัตราส่วนหนี้เสีย (NPL) อยู่ที่ 4.5% จาก 4.4% ต้นทุนสินเชื่อ (Credit Cost) อยู่ที่ 2.5-3.0% จาก 2.64% อัตราผลตอบแทนของส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่17-22% จากปีก่อนที่ 17.9%
โดยผู้บริหารให้ข้อมูลว่าจะเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีนี้เทียบกับปีก่อน ธนาคารยังเน้นการเติบโตหลัก ๆ ใน 1.สินสินเชื่อ micro SME 2.สินเชื่อบ้าน และ 3. สินเชื่อส่วนบุคคล
CREDIT ได้มีความร่วมมือกับทาง ASCEND ที่เป็นบริษัทแม่ผู้ให้บริการทรุมันนี่ ซึ่งผู้บริหารให้ข้อมูลว่าการร่วมมือกันจะช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคล โดยทาง ASCEND จะใช้แพลตฟอร์มในการรับลูกค้าที่สนใจขอสินเชื่อ ส่วนทาง CREDIT จะเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึบริการจัดการความเสี่ยง
นอกจากนี้ ผู้บริหารยังให้มูลเพิ่มเติมว่าสินเชื่อ micro SME ของแบงก์จะแตกต่างจากแบงก์อื่น ที่โดยภาพรวมตลาดยังคงกังวลกับคุณภาพของสินเชื่อ SME และบางแบงก์ยังเห็นการลดขนาดพอร์ตสินเชื่อ SME ลงต่อเนื่อง โดย micro SME ของ CREDIT จะมีขนาดสินเชื่อต่อรายการประมาณ 3-5 ล้านบาท โดย CREDIT มั่นใจในระบบควบคุมและบริการจัดการความเสี่ยง และเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมาย Credit Cost ที่ต่ำลงได้ นั่นคือกรอบ 2.5-3.0% รวมถึงบรรลุเป้าหมาย NPL Raito ที่ต่ำกว่า 4.5% ในปี 68 ได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.พ. 68)
Tags: CREDIT, ธนาคารไทยเครดิต