เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรที่คาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะนำมาใช้กับประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ นั้น สามารถมองในแง่บวกได้
แม้มีกระแสความวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลกและทำให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอีก แต่ไดมอนกล่าวว่าหากมาตรการนี้ถูกนำมาใช้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกา และจะดึงประเทศคู่ค้ากลับสู่โต๊ะเจรจาเพื่อทำข้อตกลงที่ดีขึ้นสำหรับสหรัฐฯ
“หากมาตรการนี้ทำให้เกิดเงินเฟ้อเล็กน้อย แต่เป็นผลดีต่อความมั่นคงของชาติ ก็ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้น ผมหมายถึง ให้เรายอมรับมัน” ไดมอนให้สัมภาษณ์กับแอนดรูว์ รอสส์ ซอร์คิน ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ระหว่างการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (World Economic Forum) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพุธ (22 ม.ค.) และกล่าวย้ำว่า “ความมั่นคงของชาติสำคัญกว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย”
นับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง เขาได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการใช้มาตรการภาษีศุลกากร โดยขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) จากนั้นในวันอังคาร (21 ม.ค.) ก็ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีจากจีนและสหภาพยุโรป (EU) โดยปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า EU กำลังปฏิบัติต่อสหรัฐฯ ในลักษณะที่ “แย่มาก” เนื่องจาก EU เกินดุลการค้ารายปีกับสหรัฐฯ มูลค่ามหาศาล
ทั้งนี้ ไดมอนไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการของทรัมป์ แต่เขากล่าวว่าเรื่องขึ้นอยู่กับวิธีการบังคับใช้มาตรการภาษี ขณะที่ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าอาจมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.พ.
“ผมมองว่าภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ เท่านั้นเอง” ไดมอนกล่าว “มันเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้มันอย่างไร และใช้มันเพราะอะไร มาตรการภาษีศุลกากรอาจจะทำให้เกิดเงินเฟ้อหรือไม่เกิดเงินเฟ้อก็ได้”
“ภาษีศุลกากรอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์เปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเติบโต” ไดมอนกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ม.ค. 68)
Tags: เก็บภาษี, เจพีมอร์แกน, โดนัลด์ ทรัมป์