KKP มองปี 68 เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจับตา”ทรัมป์”แนะเข้าหุ้นญี่ปุ่น-หุ้นกู้ตราสารหนี้คุณภาพสูง ลดพอร์ตหุ้นไทย

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บล.เกียรตินาคินภัทร (KKP) เผยมุมมองเศรษฐกิจโลกบนเวที KKP Year Ahead 2025: Opportunities Unbound เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นแม้มีแนวโน้มชะลอตัว แต่ยังคงเติบโตได้ดีกว่าระดับศักยภาพ และมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงได้ แต่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้า เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและแรงกดดันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือนโยบายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่น่าจะมีผลกระทบต่อสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ค่อนข้างมาก

“โดนัลด์ ทรัมป์จะใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือต่อรองกับประเทศอื่นในด้านต่างๆ เช่น เรื่องความมั่นคง การค้าที่ไม่เป็นธรรม การเปิดตลาดต่างประเทศให้สินค้าสหรัฐฯ หรือความร่วมมือเรื่องผู้อพยพ นโยบายเหล่านี้อาจดีต่อสหรัฐฯ แต่สร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะครึ่งปีแรก เนื่องจากลำดับของนโยบายที่ทรัมป์จะเริ่มนำมาใช้ก่อน และระดับมูลค่าของสินทรัพย์ซึ่งตั้งต้นอยู่ในระดับที่สูงในปัจจุบัน” นายพิพัฒน์กล่าว

สำหรับประเทศไทยปีนี้ การท่องเที่ยว ภาคบริการ และนโยบายการคลังยังคงเป็นเครื่องจักรสำคัญ แต่เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากปีก่อน จากปัญหาเรื่องความสามารถในการแข่งขัน และแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อภาคธนาคาร นอกจากนี้ นโยบายการค้าของรัฐบาลทรัมป์เป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมในเจรจารับมือ ส่วนดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปีนี้ เนื่องระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่สูงกว่าระดับเงินเฟ้อค่อนข้างมาก และภาวะทางการเงินที่อยู่ในภาวะตึงตัว

ด้านนายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บล.เกียรตินาคินภัทร (KKP) ให้คำแนะนำถึงกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมเพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกว่า สินทรัพย์เสี่ยงจะให้ผลตอบแทนโดดเด่นไม่เท่าเดิมในสถานการณ์ที่ดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงและผ่านพ้นช่วงที่ดีที่สุดของหุ้นไปแล้ว ควรเน้นจัดพอร์ตแบบ Prudent Asset Allocation หรือการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลายแบบรอบคอบตามระดับความเสี่ยง เพื่อช่วยประคองให้ผ่านความผันผวน

ในส่วนของหุ้นเมื่อคาดการณ์ผลตอบแทนในช่วง 5 ปีข้างหน้า หุ้นโลกน่าสนใจกว่าหุ้นไทย จึงแนะนำให้ลดการถือครองหุ้นไทย ส่วนตลาดหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งน่าจะหลุดออกจากภาวะเงินฝืดได้อย่างยั่งยืน และมีการปฏิรูปบรรษัทภิบาล หุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งได้ประโยชน์จากค่าธรรมเนียมและการผ่อนคลายกฎระเบียบ โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการเข้าซื้อสินทรัพย์ในช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงชั่วคราวจากแนวโน้มหลัก (Buy on dip) รวมถึงกระจายลงทุนในหุ้น S&P500 Equal Weighted

นอกจากนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีระยะเวลา 3-5 ปี เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนที่สูงและช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตในภาวะที่ตลาดกลับมากังวลกับเศรษฐกิจ

ในส่วนของตราสารหนี้คุณภาพสูงของไทยที่มีอันดับเครดิต A- ขึ้นไป ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในภาวะที่ดอกเบี้ยน่าจะลดลงเพิ่มเติม แต่สำหรับตราสารหนี้ที่มีอันดับ BBB+ ลงมานักลงทุนต้องเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง (Selective)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ม.ค. 68)

Tags: , , , , , , ,