ทางการมาเลเซียเปิดเผยในวันนี้ (29 พ.ย.) ว่า มีผู้เสียชีวิต 3 รายและต้องอพยพอีกกว่า 80,000 รายจากน้ำท่วมในหลายรัฐทั่วประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนว่า ฤดูมรสุมอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี
ทั้งนี้ น้ำท่วมเป็นเรื่องปกติบริเวณชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซียในช่วงฤดูมรสุมระหว่างเดือนต.ค.-มี.ค. แต่ฝนที่ตกหนักในสัปดาห์นี้ทำให้ต้องอพยพประชาชนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรัฐกลันตันทางตะวันออกเฉียงเหนือที่มีพรมแดนติดกับไทย
เว็บไซต์ของศูนย์บัญชาการภัยพิบัติแห่งชาติมาเลเซียระบุว่า ข้อมูลจนถึงช่วงเช้าวันนี้พบว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย และอีก 80,589 คนต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิง 467 แห่ง ใน 7 รัฐ โดยรัฐกลันตันและรัฐใกล้เคียงอย่างตรังกานูได้รับผลกระทบหนักที่สุด อย่างไรก็ตาม ข้อมูลบนเว็บไซต์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
รองนายกรัฐมนตรีอาหมัด ซาฮิด ฮามิดี ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) ว่า น้ำท่วมอาจรุนแรงกว่าเมื่อปี 2557 ซึ่งในครั้งนั้นประชาชนเกือบ 250,000 คนต้องหนีตายออกจากบ้านเรือนของตัวเอง
สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียรายงานโดยอ้างอิงคำกล่าวของเขาว่า “เนื่องด้วยสถานการณ์มีความรุนแรง ทุกฝ่ายจึงได้ระดมกำลังเพื่อดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้ประสบอุทกภัย” โดยรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 82,000 นาย รวมถึงเรือกู้ภัย รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ และเฮลิคอปเตอร์ เข้าช่วยเหลือในพื้นที่
เคทีเอ็ม เบอร์ฮัด (KTM Berhad) บริษัทการรถไฟแห่งชาติของมาเลเซีย โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า บริษัทได้ระงับเส้นทางรถไฟ 9 สายบริเวณชายฝั่งตะวันออกเนื่องจากน้ำท่วม
เมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของมาเลเซียออกมาเตือนว่า ฝนอาจตกหนักในหลายรัฐจนถึงวันศุกร์ ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เตือนว่า ลมมรสุมจะทำให้เกิดฝนตกหนักและยาวนานทางฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซียจนถึงวันที่ 1 ธ.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 67)