นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนต.ค.67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูง ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการบริโภคภาคเอกชนที่ได้อานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ อย่างไรก็ดี การบริโภคในหมวดสินค้าคงทนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
– เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว โดยปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ในเดือนต.ค.67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -27.4% ขณะที่ปริมาณจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ เพิ่มขึ้น 4.3% ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือน ต.ค.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.0 จากระดับ 55.3 ในเดือนก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 2) ภาคการท่องเที่ยว ขยายตัวต่อเนื่อง และ 3) ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือนต.ค.67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.2%
– เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนต.ค.67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 21.2% ขณะที่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ลดลง -18.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 15.7% ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -0.9%
– มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนต.ค.67 อยู่ที่ 27,222.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัว 10.7% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอินโดจีน (4) สหภาพยุโรป (15) สหรัฐฯ และจีน
– เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยว ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนต.ค.67 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 2.68 ล้านคน ขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 21.9% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 21.8 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัว 5.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -2.9% ตามการลดลงในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน เป็นต้น สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ -0.9% ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนต.ค.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 89.1 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1) สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย 2) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 3) ภาคการท่องเที่ยว ขยายตัวต่อเนื่อง และ 4) ภาคการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง ตามการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในตลาดโลก
– เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนต.ค.67 อยู่ที่ 0.83% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 0.77% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนก.ย.67 อยู่ที่ 63.3% ต่อ GDP1 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอก ยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนต.ค.67 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 238.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 67)
Tags: การท่องเที่ยว, การส่งออก, พรชัย ฐีระเวช, สศค., สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, เศรษฐกิจไทย