บรรดาเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ระบุว่า เหล่าผู้ผลิตน้ำมันในแคนาดาและเม็กซิโกมีแนวโน้มที่จะถูกบีบให้ลดราคาและหันไปจำหน่ายน้ำมันให้กับเอเชีย หากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ 25% จากสองชาติดังกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า น้ำมันจะไม่ได้รับการยกเว้นจากการเก็บภาษีนำเข้าที่อาจเพิ่มขึ้นทั้งจากแคนาดาและเม็กซิโก แม้ว่าอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่า นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค อุตสาหกรรม และความมั่นคงของชาติ
ดาน สตรูเวน หัวหน้าร่วมฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) กล่าวว่า “หากผู้ผลิตแคนาดาเผชิญกับข้อจำกัดในการส่งออก และไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางจากที่เคยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ไปสู่ตลาดอื่น ๆ ได้ ก็อาจทำให้ต้องปรับลดราคาลงมากขึ้นและอาจได้รับผลกระทบจากการสูญเสียรายได้บางส่วน”
ทั้งนี้ แคนาดาและเม็กซิโกส่งออกน้ำมันดิบชนิดหนักที่มีปริมาณกำมะถันสูง ซึ่งจะนำไปกลั่นในสหรัฐฯ และในประเทศส่วนใหญ่ของเอเชีย
เทรดเดอร์ในสิงคโปร์รายหนึ่งระบุว่า “ผลกระทบทั้งหมดล้วนแต่เกิดขึ้นกับน้ำมันดิบชนิดหนัก แล้วบรรดาโรงกลั่นของสหรัฐฯ จะทำอย่างไร แม้กระทั่งปริมาณน้ำมันดิบชนิดหนักของซาอุดีอาระเบียก็มีจำกัด” และเสริมว่า โรงกลั่นบางแห่งของสหรัฐฯ สามารถรับน้ำมันดิบได้ผ่านท่อส่งเท่านั้น ซึ่งจำกัดทางเลือกในการนำเข้าน้ำมันดิบ
เขายังกล่าวอีกว่า “ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือโรงกลั่นล้วนได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าทั้งสิ้น” และเสริมว่า ผู้ผลิตในแคนาดาจะต้องปรับลดราคาน้ำมันลงมากขึ้นเพื่อดึงดูดความต้องการจากผู้กลั่นในเอเชียและชดเชยต้นทุนด้านการขนส่งระยะไกล”
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวด้านการกลั่นน้ำมันในเอเชียและนักวิเคราะห์ระบุว่า พวกเขาคาดว่าจะได้เห็นน้ำมันแคนาดาและเม็กซิโกถูกส่งมายังเอเชียมากขึ้น หากทรัมป์กำหนดภาษีนำเข้าดังกล่าว
อันห์ ฟาม นักวิเคราะห์จากแอลเอสอีจี (LSEG) กล่าวว่า “เราน่าจะได้เห็นน้ำมันดิบบางส่วนถูกส่งไปยังจีนและอินเดีย ซึ่งโรงกลั่นของพวกเขาสามารถกลั่นน้ำมันดิบได้”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 67)
Tags: ภาษี, ราคาน้ำมันดิบ, สหรัฐ, เม็กซิโก, เอเชีย, แคนาดา, โดนัลด์ ทรัมป์