นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังร่วมหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า รัฐบาลเคยสัญญาไว้กับประชาชนว่า จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป แต่มาถึงวันนี้ชัดเจนว่าหากรัฐบาลเดินตามแผนเดิมที่จะมีการทำประชามติ 3 ครั้ง เป้าหมายดังกล่าว ก็มีโอกาสเป็นจริงน้อยมาก
ทั้งนี้ มองว่า หนทางเดียวที่จะทำให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงได้ คือการลดจำนวนการทำประชามติจาก 3 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง ซึ่งความพยายามที่ผ่านมาในการเข้าพบกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องคำวินิจฉัยศาล รวมถึงการหารือกับประธานสภาฯ วันนี้ อาจจะมีการทบทวนการตีความคำวินิจฉัย และบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ สสร. จะต้องทำอย่างไรนั้น ก็ล้วนเป็นความพยายามของตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ใช้ทันการเลือกตั้งครั้งถัดไป
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในการหารือวันนี้ ได้มีการหยิบยกข้อมูลความเห็นส่วนบุคคลของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 คน ซึ่งจะเห็นว่าเสียงส่วนใหญ่ของตุลาการเขียนไว้ค่อนข้างชัดเจนว่าการทำประชามติ 2 ครั้งนั้นเพียงพอแล้ว และข้อมูลที่มาจากการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรามีความหวังว่าข้อมูลใหม่ที่ได้นำมาในวันนี้ จะเพียงพอในการทำให้คณะกรรมการประสานงานวินิจฉัยว่า 2 ครั้งเพียงพอ
“หากเดินตามแผนเดิม โอกาสทันก็น้อย แต่สิ่งที่อยากเห็น คือความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพราะเป้าหมายเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ เป็นเป้าหมายที่เป็นนโยบายของรัฐบาล และเป็นเป้าหมายที่แกนนำพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคประชาชน เห็นไปในทิศทางเดียวกัน” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากเดินตามไทม์ไลน์ใหม่ ซึ่งคือการทำประชามติ 2 ครั้ง ประเมินว่าจะเห็น สสร. ใหม่ได้ทันปี 68 โดยได้ยกตัวอย่างว่า สมมติมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่มหมวดเกี่ยวกับ สสร. เข้าสู่สภาแล้ว หากคณะกรรมการประสานงาน และประธานสภาฯ ตัดสินใจบรรจุในรอบนี้ ก็จะทำให้เข้าสู่การพิจารณาในวาระ 1 ได้ทันที ซึ่งหากเปิดสมัยประชุมสภาในช่วงปลายปีนี้ หรือเดือนธันวาคม และสามารถทำให้เข้าสภาฯ ได้ทันทีนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะผ่าน 3 วาระได้ภายใน 3-6 เดือน และหากเป็นเช่นนั้น ประชามติรอบแรกจะเกิดขึ้นหลังผ่านวาระ 3 ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหลังของปี 68 และเมื่อประชามติผ่านแล้ว อาจจะต้องมีกระบวนการการเลือกตั้ง สสร.
“โดยหากทำทุกอย่างให้เสร็จได้ภายในปี 68 สสร. จะมีเวลาในปี 69 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และทำให้เราสามารถนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ไปทำประชามติรอบที่ 2 ในช่วงต้นปี 70 ก็จะทันก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป” นายพริษฐ์ ระบุ
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นต่อประธานสภาฯ ระบุว่า ประธานสภาฯ มอบโจทย์ใหม่จากข้อมูลที่เปลี่ยนไป ให้เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการแต่ละคน ซึ่งมีทั้งผู้บริหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายกฎหมายของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่นำมาพิจารณา ส่วนจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่างเดิมได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้เสนอเข้ามา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ย. 67)
Tags: การเมือง, ประชามติ, พริษฐ์ วัชรสินธุ, รัฐธรรมนูญ, สภาผู้แทนราษฎร, เลือกตั้ง