NTF ส่งออกผลไม้เกรดพรีเมี่ยมแต่งตัวเข้า mai ต่อยอดธุรกิจ วางเป้าปั๊มรายได้ปี 67 ทะลุพันล้าน

นายวิชัย ศิระมานะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (NTF) กางแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเป็นเงินทุนในการขยายกิจการ พัฒนาสินค้าและโครงการสำคัญที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัท รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงิน เพิ่มโอกาสทางการค้าและการต่อยอดธุรกิจในอนาคต จากความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ดีในการบริหารและมาตรฐานการดำเนินงาน โดยอยู่ระหว่างการจัดเตรียมแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในปี 68

NFT ทำธุรกิจส่งออกผลไม้สดเกรดพรีเมี่ยมสู่ตลาดต่างประเทศ เชี่ยวชาญในธุรกิจส่งออกผลไม้สดและการบริหารจัดการ เพื่อยกระดับผลไม้ไทยและเกษตรกรรมไทยสู่มาตรฐานสากลมากขึ้น โดยเริ่มจากการส่งออกลำไย ทุเรียน มะพร้าว และผลไม้อื่นๆ ไปยังจีนที่เป็นตลาดส่งออกหลัก เนื่องจากมีการนำเข้าทุเรียนและผลไม้สดมากสุดในโลก

บริษัททำการตลาดในจีนภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ เหม่ย ลี่ (Mei Li), ไท่ จี้ (Tai Ji), จิน เยี่ยน (Jin Yan) และไท่ ถิง ห่าว (Tai Ting Hao) เพื่อให้เหมาะสมกับตัวแทนจำหน่ายให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มในตลาดสำคัญตามเมืองต่างๆ อาทิ กวางเจา (Guangzhou) ซึ่งเป็นตลาดผลไม้ใหญ่สุดในจีนและใหญ่สุดในโลก เจียซิง (Jiaxing) มีปริมาณการซื้อขายผลไม้ใหญ่สุดของโลก และปักกิ่ง (Beijing) ศูนย์กลางตลาดค้าผลไม้ภาคเหนือ ซึ่งแบรนด์สินค้า 3 ใน 4 แบรนด์ของบริษัทติดท็อป 5 แบรนด์ผลไม้ที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในจีน

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าแบ่งเป็น ทุเรียน 90% ปีละ 500 ตู้ ตู้ละ 16-18 ตัน, ลำไย 8% ปีละ 300 ตู้ ตู้ละ 24-25 ตัน และอีกประมาณ 2% เป็นสินค้ามะพร้าวและผลไม้อื่นๆ

ผลการดำเนินงานของ NTF ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง โดยปี 63 มีรายได้ 14 ล้านบาท ต่อมาปี 64 มีรายได้ 184 ล้านบาท ปี 65 มีรายได้ 351 ล้านบาท และปี 66 รายได้เพิ่มเป็น 561 ล้านบาท ขณะที่ปี 67 บริษัทคาดการณ์รายได้ไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท

นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทมีพันธมิตรผู้ผลิตผลไม้ 10 โรงงานใน 5 จังหวัดสำคัญแต่ละภูมิภาค ได้แก่ จันทบุรี ชุมพร ศรีสะเกษ ลำพูน และ ราชบุรี สามารถบริหารจัดการสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการให้มากที่สุด โดยแต่ละโรงงานจะมีพนักงานของบริษัทตรวจสอบและควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของสินค้าเกรดพรีเมี่ยมที่ส่งออกจาก NTF จนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้ามาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ NTF ยังได้รับความไว้วางใจจาก Dole ผู้ผลิตและจำหน่ายผักผลไม้สดและแปรรูประดับโลก ที่เล็งเห็นศักยภาพให้ NTF รับหน้าที่ผลิตผลไม้ประเภททุเรียนเกรดพรีเมี่ยม (OEM) เจ้าเดียวในประเทศไทย เพื่อส่งออกไปประเทศจีน โดย Dole ถือเป็นพันธมิตรที่เข้ามาช่วยเติมเต็มตลาด เช่นเดียวกับเวียดนามที่เข้ามาช่วยส่งเสริมการบริโภคของประชากรจีนให้มากขึ้น อีกทั้ง เชื่อว่าการทำตลาดในจีนจะนำมาซึ่งการแข่งขันด้านคุณภาพสินค้ามากกว่าด้านราคาเช่นที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผู้ส่งออกตลอดจนเกษตรกรต้องพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ออกผลผลิต การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการขนส่ง เพื่อให้สินค้าเป็นเกรดพรีเมี่ยมให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้ออย่างแท้จริง

นายวิชัย กล่าวว่า แนวโน้มการนำเข้าทุเรียนของจีนเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงสูงที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนไทย สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดที่ยังเปิดกว้าง ข้อมูลล่าสุด ณ 9 เดือนปี 67 มีมูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยรวมประมาณ 130,000 ล้านบาทใกล้เคียงมูลค่าส่งออกทุเรียนของตลอดทั้งปี 66 แล้ว โดยการส่งออกของ NTF คิดเป็นเพียง 1% เท่านั้น ดังนั้น บริษัทจะต้องบริหารการจัดหาสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการตามคำสั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเช่นกัน

“โอกาสในตลาดจีนยังมีช่องทางการเติบโตอีกมาก ด้วยจำนวนประชากรทำให้มีความต้องการบริโภคผลไม้ที่มาจากไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยสินค้าคุณภาพ รสชาติอร่อย มีผลผลิตและชนิดของผลไม้สลับตามฤดูกาลออกสู่ตลาดตลอดปี และNTF พยายามจำหน่ายผลไม้อื่นๆ นอกจากทุเรียนที่เป็นสินค้าหลักเข้าสู่ตลาดประเทศจีน เช่น ลำไย มะพร้าวน้ำหอม และชมพู่ นอกจากต้องการให้สินค้ามีความหลากหลายแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ลูกค้าได้รู้จักและซื้อผลไม้ของไทยเพิ่มขึ้น เพื่อยกระดับผลไม้ของไทยสู่อุตสาหกรรมผลไม้คุณภาพในตลาดต่างประเทศมากขึ้นตามลำดับ” นายวิชัย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ย. 67)

Tags: ,