นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย ประกาศในวันนี้ (25 พ.ย.) ว่าจะบังคับให้บริษัทโซเชียลมีเดียทำลายข้อมูลส่วนตัวที่ใช้ในการยืนยันอายุผู้ใช้งาน โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ออสเตรเลียเตรียมทดลองใช้ระบบตรวจสอบอายุ ซึ่งอาจใช้วิธีไบโอเมตริกซ์ (เช่น สแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้า) หรือบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล เพื่อบังคับใช้ข้อจำกัดอายุในการใช้โซเชียลมีเดีย โดยมาตรการนี้ถือว่าเข้มงวดที่สุดเท่าที่เคยมีประเทศใดออกกฎมา
“จะมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวด โดยบังคับให้ต้องลบข้อมูลทิ้งทันทีหลังจากตรวจสอบอายุเสร็จ” นายกฯ อัลบาเนซีกล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้
กฎหมายนี้จะมีผลต่อแอปโซเชียลมีเดียหลัก ๆ ได้แก่ อินสตาแกรม (Instagram) และเฟซบุ๊ก (Facebook) ของบริษัทเมตา (Meta), ติ๊กต๊อก (TikTok) ของบริษัทไบต์แดนซ์ (Bytedance), เอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ของอีลอน มัสก์ และสแนปแชต (Snapchat)
อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบุคคลสำคัญหลายราย โดยเฉพาะมัสก์ที่ออกมาแสดงความเห็นเมื่อวันศุกร์ (22 พ.ย.) ว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นเพียงวิธีการแอบแฝงเพื่อควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชนชาวออสเตรเลียทั้งประเทศ
ข้อเสนอนี้กำหนดเกณฑ์อายุขั้นต่ำเข้มงวดยิ่งกว่าประเทศอื่น ๆ ทั้งหมด และจะไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเยาวชนคนนั้นจะได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองหรือมีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้วหรือไม่ก็ตาม หากแพลตฟอร์มใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ จะต้องเสียค่าปรับสูงถึง 32 ล้านดอลลาร์
อนึ่ง รัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศเป้าหมายที่จะผลักดันร่างกฎหมายนี้ให้ผ่านการพิจารณาภายในวันพฤหัสบดีนี้ (28 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการประชุมรัฐสภาประจำปี โดยจะเร่งดำเนินการผ่านการพิจารณาทั้งในสภาสูงและสภาผู้แทนราษฎร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 67)
Tags: ออสเตรเลีย, แอนโทนี อัลบาเนซี, โซเชียลมีเดีย