รัสเซียเปิดเผยว่า สายด่วนพิเศษระหว่างทำเนียบเครมลินของรัสเซียกับทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อคลี่คลายวิกฤตต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศ ยังไม่เปิดใช้งานในขณะนี้ ขณะที่ความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะด้วยอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มสูงขึ้น โดยความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกอยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ
สายด่วนระหว่างทางการรัสเซียกับสหรัฐฯ จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2506 เพื่อลดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี 2505 โดยเปิดทางให้ผู้นำรัสเซียและสหรัฐฯ สามารถสื่อสารกันได้โดยตรง
“เรามีสายด่วนพิเศษที่ปลอดภัยสำหรับการสื่อสารระหว่างประธานาธิบดีรัสเซียและสหรัฐฯ รวมถึงช่องทางสำหรับการสื่อสารผ่านวิดีโอด้วย” ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวกับสำนักข่าวทาสส์ (TASS) แต่เมื่อถูกถามว่าช่องทางนี้กำลังเปิดใช้งานอยู่หรือไม่ เขาตอบว่า “ไม่”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ลดเงื่อนไขการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในวันอังคาร (19 พ.ย.) เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย โดยยูเครนได้ยิงขีปนาวุธดังกล่าวโจมตีรัสเซียเป็นครั้งแรกในวันอังคาร ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 1,000 วันสงครามยูเครน
ทั้งนี้ รัสเซียกล่าวว่า การใช้ขีปนาวุธ ATACMS ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลที่สุดเท่าที่สหรัฐฯ เคยมอบให้ยูเครนนั้น ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าชาติตะวันตกต้องการยกระดับความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ย. 67)