เครมลินแถลงในวันนี้ (19 พ.ย.) ว่า ได้ยกร่างการเปลี่ยนแปลงหลักการด้านนิวเคลียร์ (Nuclear Doctrine) ของรัสเซียเสร็จแล้ว และพร้อมประกาศใช้เมื่อจำเป็น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของมอสโกต่อการตัดสินใจล่าสุดของสหรัฐฯ ในประเด็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากยูเครน
“การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ถูกร่างขึ้นเรียบร้อยแล้วในทางปฏิบัติ และจะถูกทำให้เป็นทางการเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม” ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวต่อทาสส์ (TASS) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัฐบาลรัสเซียในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันนี้
เครมลินออกมาวิพากษ์วิจารณ์เมื่อวันจันทร์ (18 พ.ย.) ว่า การตัดสินใจของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯ โจมตีเข้าไปในรัสเซียนั้น เป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ พร้อมเตือนว่ามอสโกจะมีมาตรการตอบโต้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียซึ่งได้เริ่มปฏิบัติการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบมาแล้ว 1,000 วัน ได้ออกมาเตือนชาติตะวันตกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า อย่าเล่นกับไฟด้วยการทดสอบความอดทนของประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์
เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวว่า หากชาติตะวันตกอนุมัติให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล จะถือเป็น “การเข้าร่วมสงครามในยูเครนโดยตรงของประเทศสมาชิกนาโต สหรัฐฯ และชาติยุโรป” เนื่องจากต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและบุคลากรของนาโตในการกำหนดเป้าหมายและปล่อยขีปนาวุธ
เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ปธน.ปูตินได้สั่งปรับเปลี่ยนหลักการนิวเคลียร์ โดยระบุว่าหากรัสเซียถูกโจมตีด้วยอาวุธทั่วไปโดยได้รับความช่วยเหลือจากชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ จะถือเป็นการโจมตีร่วมกันต่อรัสเซีย
ด้านนักวิเคราะห์ชาวตะวันตกมองว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการยกระดับความพยายามของมอสโกที่จะยับยั้งไม่ให้ชาติตะวันตกเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดของหลักการนิวเคลียร์ที่แก้ไขใหม่ต่อสาธารณะ
เปสคอฟให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทาสส์ในวันนี้ว่า มอสโกพร้อมฟื้นฟูความสัมพันธ์กับวอชิงตัน
“แต่เราเต้นแทงโก้คนเดียวไม่ได้ และเราจะไม่ทำ” เปสคอฟกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 67)