ผลวิจัยชี้ ยอดขาย EV ในสหรัฐฯชะลอตัว เหตุขาดแคลนเสาชาร์จ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คอกซ์ ออโตโมทีฟ (Cox Automotive) บริษัทวิจัยตลาดของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐฯ เติบโตช้าลงในปี 2567 โดยคาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 346,309 คัน คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 9% ของยอดจำหน่ายยานยนต์ทั้งหมด

ห้องปฏิบัติการแห่งชาติอาร์กอนน์ (Argonne National Laboratory) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2566 ยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินในสหรัฐฯ รวมอยู่ที่ 1.4 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 9% ของยอดจำหน่ายยานยนต์ทั้งหมดในปีดังกล่าว และเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปี 2565

หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ (The New York Times) รายงานว่า ยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตช้าลงในปี 2567 อาจเป็นผลมาจากการที่ผู้ขับขี่ลังเลที่จะเปลี่ยนจากยานยนต์ที่ใช้น้ำมันไปใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพราะกังวลเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จ ซึ่งเพิ่มขึ้นช้ากว่ายอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า

ขณะที่การวิจัยซึ่งนำโดยนักวิจัยของโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด (Harvard Business School) พบว่า อุปกรณ์ชาร์จที่พังเสียหายถือเป็นอีกหนึ่งปัญหา โดยหนึ่งในห้าของอุปกรณ์ชาร์จไม่ทำงานเมื่อผู้ขับขี่ต้องใช้งาน

ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยของห้องปฏิบัติการพลังงานหมุนเวียนแห่งชาติสหรัฐฯ (National Renewable Energy Laboratory) ประมาณการว่า สหรัฐฯ มีเสาชาร์จสาธารณะกว่า 2 แสนต้น กระจายอยู่ทั่วสถานีชาร์จราว 74,000 แห่ง แต่สหรัฐฯ ต้องมีเสาชาร์จมากกว่า 1 ล้านต้นภายในปี 2573 เพื่อตอบสนองให้ทันกับยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 67)

Tags: , , , ,