นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดทรงตัวรอตัวเลข GDP ไตรมาส 3/67 ของไทย ที่จะรายงานออกมาในช่วงเช้านี้ โดย Consensus ประเมินไว้ที่ 2.4% YoY หากออกมาสูงกว่าคาด จะหนุนให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งของสหรัฐ ที่ยังออกมาแข็งแกร่งอยู่ ทำให้โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่เร็วจากเดิม ส่งผลกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเผชิญแรงขายออกมา
ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน
ให้แนวรับไว้ที่ 1,430 จุด และแนวต้าน 1,460 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (15 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,444.99 จุด ลดลง 305.87 จุด หรือ -0.70%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,870.62 จุด ลดลง 78.55 จุด หรือ -1.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,680.12 จุด ลดลง 427.53 จุด หรือ -2.24%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,259.59 จุด ลดลง 383.32 จุด หรือ -1% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,344.69 จุด เพิ่มขึ้น 13.96 จุด หรือ +0.42% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,595.50 จุด เพิ่มขึ้น 169.16 จุด หรือ +0.87%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 พ.ย.)ที่ 1,442.63 จุด ลดลง 7.49 จุด (-0.52%) มูลค่าซื้อขายราว 48,885.78 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 981.54 ล้านบาท (15 พ.ย.)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. (15 พ.ย.) ลดลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 67.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 พ.ย.) อยู่ที่ 5.71 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.79 แข็งค่าเล็กน้อย จับตาตัวเลข GDP ไทย-ราคาทองคำ-ข้อมูลเศรษฐกิจตปท.
– จับตากองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เริ่มกลับมาเก็บหุ้นเข้าพอร์ตก่อนเม็ดเงินลงทุนจาก Thai ESG เข้าตลาดหุ้นไทยปลายปีนี้ เพื่อลดความเสี่ยงได้ของแพง ด้าน “เผ่าภูมิ” ชี้ 1 หมื่นบาทเฟส 2 ลุ้นอายุ 50 ปีขึ้นไป ชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ 19 พ.ย.นี้
– “คลัง” ฟุ้งเตรียมขนแพ็กเกจใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ ชง “อุ๊งอิ๊ง” เคาะ ชู “แก้หนี้-อสังหาฯ-ภาษี-ดิจิทัลวอลเล็ต” หวังใช้ตั้งแต่ปลายปีนี้-ต้นปีหน้า และตลอดปี 2568 ปูดเล็งอุ้มเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม
– เปิด 3 ปมร้อนการเมือง สะเทือนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” มหากาพย์ที่ดินเขากระโดง ความขัดแย้งของพรรคร่วม “พท.-ภท.” เดินหน้าปัดฝุ่น MOU44 ที่กระตุ้นความร้อนแรงทางการเมือง รวมถึงปมถือหุ้นที่ดินอัลไพน์
– “อัสสเดช คงสิริ” เผยโจทย์เร่งด่วนตลาดหุ้นสร้างความเชื่อมั่น เปิดกลยุทธ์ 3 ปี เพิ่มมูลค่าบริษัทจดทะเบียนไทย ยกโมเดล “เกาหลี-ญี่ปุ่น” ดันตลาดหุ้นไทยพ้นทศวรรษที่สูญหาย เจรจาคลังงัดมาตรการภาษี-แก้กฎระเบียบ หนุน บจ. “ควบรวมกิจการ” ชูดีล GULF-INTUCH กลยุทธ์น่าจับตา ผลักดัน “Family Business” ยกระดับเข้าตลาด ตั้งเป้าเป็น Listing Hub ดึงดูดบริษัทต่างชาติระดมทุน สร้างนักลงทุนกลุ่มใหม่ ผนึกคลัง-ก.ล.ต. หนุนคนไทยออมผ่านตลาดหุ้น
– “เอกชนไทย” ขยับการเติบโตสู่ “อินเดีย” รับศักยภาพเศรษฐกิจขยายตัวเร็ว ใหญ่อันดับ 5 ของโลก เชื่อเป็นโอกาสลงทุนต่อเนื่องระยะยาว 5-10 ปี “แบงก์กรุงเทพ” เล็งศึกษาเปิดสาขาสนับสนุนสินเชื่อ “นักลงทุนไทย-ต่างชาติ” สภาธุรกิจไทย-อินเดีย ชี้ตลาดใหญ่แต่อุปสรรคเยอะ “พาณิชย์” แนะจับมือพันธมิตรท้องถิ่นลดอุปสรรค หนุนเคลื่อนธุรกิจ “ประเทศอินเดีย” มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด ติด 1 ใน 5 มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและรวดเร็วที่สุดของโลก จากการบริโภคสินค้าและบริการภายในประเทศด้วยจำนวนประชากรกว่า 1,400 ล้านคน ทำให้ภาคเอกชนไทยมองเห็น “โอกาส” ลงทุนในตลาดอินเดียเพิ่มมากขึ้น หลายรายเข้าไปลงทุนในอินเดียแล้ว ได้แก่ สาขาอุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูป สาขาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เซริกส์ และโลหะขั้นพื้นฐาน สาขาอุตสาหกรรมเบา (อัญมณี และเครื่องประดับ) สาขาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องจักร
หุ้นเด่นวันนี้
– TIDLOR (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 22.00 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น หลังบริษัทคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ในไตรมาส 4/2567 จะดีขึ้นทั้งด้านต้นทุนทางเครดิต (Credit cost) และการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL formation) หลังจากเร่งจัดการพอร์ตสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา แม้จะแลกมาด้วยการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัว โดยคาดว่า TIDLOR จะกลับมามี Loan growth ได้ราว 10-15% ในปีหน้า และหากเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น คาดว่าประสิทธิภาพการเก็บหนี้จะมีโอกาสพัฒนาขึ้น นอกจากนี้การปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทจะช่วยลดผลกระทบจากการจ่ายหุ้นปันผล และเรามองว่า TIDLOR มีมูลค่าที่ยังไม่แพงเกินไป
– CRC (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 40.00 บาท จุดเริ่มรอบการฟื้นตัวของกำไรและราคาหุ้น รายงานกำไรหลัก ไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 1.76 พันล้านบาท (+33% YoY, +9% QoQ) ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเราและตลาด 33% และ 27% ตามลำดับ เนื่องจากรายได้อื่นที่สูงกว่าคาดและค่าใช้จ่าย SG&A ที่ต่ำกว่าคาด คาดว่ากำไรจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/67 จากการกลับมาเปิดของ Central ชิดลม และ Rinascente Milan รวมถึงการขยายสาขา โดย SSSG ปัจจุบันดีขึ้นเป็น -1 ถึง -2% และ SSSG ของแฟชั่นกลับมาเป็นบวกที่ระดับกลางหลักเดียวได้แล้ว สำหรับ Sentiment บวกระยะถัดไปคือจำนวนนักท่องเที่ยวเร่งตัวตามฤดูกาลและการเตรียมออกมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล ด้าน valuation ถือว่าไม่แพงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง -0.5 S.D. โดยซื้อขายที่ PER68E ที่ 20.8 เท่าและกำไร 68E คาดขยายตัว 13.5% เด่นกว่ากลุ่มที่คาดเติบโต 10.5%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย