ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มทรัพยากร แต่ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นหลังจากการประกาศงบประมาณฉบับแรกของรัฐบาลใหม่
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 509.92 จุด เพิ่มขึ้น 3.14 จุด หรือ +0.62%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,425.60 จุด เพิ่มขึ้น 55.99 จุด หรือ +0.76%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,362.52 จุด เพิ่มขึ้น 323.21 จุด หรือ +1.70% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,140.74 จุด ลดลง 25.94 จุด หรือ -0.32%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มยานยนต์พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานทะยานขึ้น 3.9% มากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังจากราคาโลหะพื้นฐานดีดตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มกลาโหมและการบินอวกาศทะยานขึ้นจากความคาดหวังว่าชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐและการปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนีที่เน้นดำเนินนโยบายการคลังที่รัดกุมนั้น อาจจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ โดยหุ้นไรน์เมทัล (Rheinmetall) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธ พุ่งขึ้น 9%
สำหรับการเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอาร์เซลอร์มิตทัล (ArcelorMittal) พุ่งขึ้น 6.5% หลังจากบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับสองของโลกรายนี้รายงานผลกำไรไตรมาส 3 สูงกว่าที่คาดไว้
หุ้นเดมเลอร์ ทรัก (Daimler Truck) พุ่งขึ้น 3.1% หลังจากรายงานกำไรไตรมาส 3 ดีกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะประกาศมติการประชุมหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการไปแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 67)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป