สื่อหลายสำนักของสหรัฐฯ รายงานผลการนับคะแนนเบื้องต้นในรัฐที่ปิดคูหาเลือกตั้งแล้ว ปรากฏว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) ไปแล้ว 267 คะแนน ขณะที่คามาลา แฮร์ริส แคนดิเดตจากพรรคเดโมแครต ได้ไป 214 คะแนน
ผู้สมัครคนใดที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 คะแนนก่อน จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้
อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เก็บชัยชนะใน 3 รัฐสมรภูมิ จาก 7 รัฐที่คาดว่าจะเป็นตัวตัดสินชี้ขาดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ
แม้ว่าการนับคะแนนยังคงดำเนินอยู่ แต่สื่อหลายสำนักรายงานว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นคนแรกในรอบ 132 ปีที่จะได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 แบบไม่ติดต่อกัน หลังจากที่ผลการนับคะแนนเบื้องต้นบ่งชี้ว่าเขาชนะในรัฐนอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย และเพนซิลเวเนีย พร้อมกวาดคะแนนคณะผู้เลือกตั้งรวมจาก 3 รัฐนี้ไปได้ทั้ง 51 คะแนน
ก่อนวันที่ 5 พ.ย. บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างประสานเสียงว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะถูกตัดสินจากคะแนนเสียงของผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ และคะแนนเสียงจากรัฐสมรภูมิ ที่เรียกว่า Swing States หรือ Battleground States ซึ่งเป็นรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน โดยรัฐเหล่านี้มีอยู่ 7 รัฐ ประกอบด้วย แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ซึ่งทั้ง 7 รัฐดังกล่าวมีคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง รวมกันมากถึง 93 เสียง
อย่างไรก็ตาม ผลการนับคะแนนในช่วงแรกแสดงให้เห็นว่า รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ทำผลงานอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ใน 7 รัฐสำคัญ
การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตาจากนานาประเทศมากเป็นพิเศษ เนื่องจากก่อนวันเลือกตั้งแคนดิเดตทั้งสองมีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีกันมากแบบหายใจรดต้นคอ ประกอบกับทั้งทรัมป์และแฮร์ริสมีนโยบายที่แตกต่างกันแบบคนละขั้ว ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่านโยบายที่แตกต่างกันนี้อาจส่งกระทบต่อโลกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และภูมิรัฐศาสตร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 67)
Tags: Electoral Vote, คามาลา แฮร์ริส, พรรครีพับลิกัน, พรรคเดโมแครต, สหรัฐ, เลือกตั้งสหรัฐ, โดนัลด์ ทรัมป์