สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองในสหรัฐฯ หลังจากโพลล่าสุดบ่งชี้ว่าคะแนนของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน และคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต สูสีกันอย่างมาก
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.50 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 2,749.70 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 16.60 เซนต์ หรือ 0.51% ปิดที่ 32.775 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 16.20 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 1,006.70 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.20 ดอลลาร์ หรือ 0.67% ปิดที่ 1,078.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดาเนียล พาวิโลนิส นักกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท RJO Futures กล่าววว่า ราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคาดว่าหากผลการเลือกตั้งยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนต่อไปอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ก็จะเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ฮาน ตัน นักวิเคราะห์จากบริษัท Exinity Group คาดการณ์ว่า หากแฮร์ริสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ เนื่องจากนโยบายของแฮร์ริสสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ แต่หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จะทำให้ราคาทองคำร่วงลง เพราะนโยบายของทรัมป์จะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ดี ฮานคาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งแตะระดับ 2,800 ดอลลาร์ในที่สุด ทันทีที่ความไม่แน่นอนต่าง ๆ คลี่คลายลงหลังการเลือกตั้ง
ตลาดจับตาการแถลงผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) โดยนักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมครั้งนี้ แต่แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตนั้นยังไม่แน่นอน เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 67)
Tags: COMEX, ทองคำนิวยอร์ก, ราคาทอง, ราคาทองคำ