ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (5 พ.ย.) นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนประเมินการเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา และจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นไปอย่างสูสี
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 509.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.32 จุด หรือ +0.06%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,407.15 จุด เพิ่มขึ้น 35.44 จุด หรือ +0.48%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,256.27 จุด เพิ่มขึ้น 108.42 จุด หรือ +0.57% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,172.39 จุด ลดลง 11.85 จุด หรือ -0.14%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นมากกว่า 1% หลังหุ้นเมลโรส อินดัสทรีส์ (Melrose Industries) ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของอังกฤษ พุ่งขึ้น 4% โดยได้แรงหนุนจากการที่ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) ปรับเพิ่มคาดการณ์กระแสเงินสดอิสระของเมลโรสสำหรับปี 2570/2571
แต่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ร่วงลงประมาณ 2% หลังมีรายงานว่าผู้บริหารระดับสูงหลายสิบคนของแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ในจีนอาจเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงประกันภัยครั้งใหญ่ที่สุดในภาคเภสัชกรรมของจีนในรอบหลายปี
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้าร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยร่วงลงกว่า 8% และเป็นการร่วงลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563
นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนร่วงลง 1.8% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2566
ความสนใจของตลาดยังคงอยู่ที่การแข่งขันอันสูสีระหว่าง คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เริ่มมีการลงคะแนนเสียงแล้ว โดยตามอัตราต่อรองของตลาดพนันส่วนใหญ่นั้น ทรัมป์เป็นตัวเก็งว่าจะชนะการเลือกตั้ง
นโยบายของทรัมป์เกี่ยวกับการอพยพ, ภาษี และภาษีศุลกากรนั้นถูกมองว่าจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 67)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป