สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รวบรวมสถิติความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พบว่า แม้โดยทั่วไปแล้วตลาดหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์แล้ว นักลงทุนจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนในระยะสั้นเป็นอย่างแรก
เมื่อนับย้อนหลังไปจนถึงปี 2523 ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นในระหว่างวันเลือกตั้งและช่วงสิ้นปีของปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ควรคาดหวังว่าตลาดจะดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง
อันที่จริงแล้ว ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีของตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงโดยเฉลี่ยในวันซื้อขายและในสัปดาห์หลังจากวันลงคะแนนเลือกตั้ง นอกจากนี้ ข้อมูลของ CNBC ยังแสดงให้เห็นว่าดัชนีตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางที่อ่อนแรงลงเกือบทั้งหมดหรือทั้งหมดภายในระยะเวลา 1 เดือน
สถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านักลงทุนไม่ควรคาดหวังว่าตลาดหุ้นจะพุ่งขึ้นทันทีในวันพุธ (6 พ.ย.) หรือในช่วงไม่กี่วันถัดไป สถิติดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาประเด็นที่ว่าการแข่งขันเป็นไปอย่างสูสีแบบหายใจรดต้นคอ และอาจไม่สามารถประกาศผลได้ภายในเช้าวันพุธ นอกจากนี้ ชาวอเมริกันอาจต้องรอให้การนับคะแนนลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเสร็จสิ้นลง เพื่อที่จะชี้ขาดว่าพรรคใดจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาใด
เอมี โฮ ผู้อำนวยการบริการฝ่ายวิจัยเชิงกลยุทธ์ของบริษัทเจพีมอร์แกน (JPMorgan) กล่าวว่า “การเลือกตั้งในรอบนี้ถูกจับตาว่าเป็นปัจจัยเร่งปฏิกิริยาในตลาด และเราเตือนว่าผลลัพธ์ของการเลือกตั้งยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากอาจต้องใช้เวลาหลายวันสำหรับการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี และหลายสัปดาห์สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”
ย้อนรอยสถิติดัชนีดาวโจนส์หลังการเลือกตั้ง
วันเลือกตั้ง วันหลังเลือกตั้ง สัปดาห์หลังเลือกตั้ง เดือนหลังเลือกตั้ง สิ้นปีเลือกตั้ง
เฉลี่ย -0.27% -0.41% +0.83% + 2.27%
ค่ากลาง -0.41% -0.83% +0.74% +1.93%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 67)
Tags: การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก, ตลาดหุ้นสหรัฐ