ปปง.ยึดและอายัดทรัพย์คดีดิไอคอนกรุ๊ปเพิ่มอีกกว่า144 ลบ.รวมมูลค่ากว่า 320 ลบ.

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยผลการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินกรณีบริษัท ดีไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก (เพิ่มเติม)ว่า เนื่องจากปรากฎพยานหลักฐานอันมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน ยักย้าย ปกปิด หรือ ซ่อนเร้นทรัพย์สินทีเกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว และกรณีมีความจำเป็น เร่งด่วน เลขาธิการ ปปง. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ออกคำสั่งที่ ย.224/2567 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีนี้เพิ่มเติมเติม

โดยเป็นทรัพย์สินประเภทหุ้นในบัญชีชื้อขายหลักทรัพย์ หน่วยลงทุน และสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 26 รายการ และเป็นทรัพย์สินประเภทเงินในบัญชีชื่อขายหลักทรัพย์ ตราสารหนี้ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 63 รายการ รวมทรัพย์สินที่ยึดและอายัดทั้งสิ้น 89 รายการ มูลค่าประมาณ 144,275,765 บาท พร้อมดอกผลไว้ชัวคราวมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน

โดยก่อนหน้านี้ ปปง.ได้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินรวมจำนวน 52 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 176,044,615 บาทตามคำสั่งเลขาธิการ ปปง. และคณะกรรมการธุรกรรม ที่มีคำสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว ได้แก่

1. คำสั่งที่ ย. 214/2567 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2567

2. คำสั่งที่ ย. 222/2567 (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2567

3. คำสั่งที่ ย. 223/2567 (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2567

ทั้งนี้ รวมทั้ง 4 คำสั่ง มูลค่าทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดเป็นเงินประมาณ 320,320,308 บาท

สำนักงาน ปปง. เน้นยำว่าทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนั้น หากผู้โดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อนขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอนการได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อาจมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 67)

Tags: , ,