เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และ ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวเมื่อวันอังคาร (22 ต.ค.) ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีนจะไม่ช่วยเพิ่มการใช้จ่ายภายในประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายความว่าความตึงเครียดทางการค้าจะยังคงมีอยู่ต่อไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เยลเลนและกูรินชาสได้กล่าวแยกกันว่า พวกเขายังไม่เห็นการประกาศใด ๆ จากธนาคารกลางและกระทรวงการคลังของจีนที่จะสามารถกระตุ้นอุปสงค์ได้มากพอที่จะดูดซับการผลิตส่วนเกินและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“มุมมองของเราคือการเพิ่มการใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีนให้เป็นสัดส่วนที่มากขึ้นของ GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) นั้นสำคัญมาก รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ที่จะแก้ไขปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย” เยลเลนกล่าวในการแถลงข่าวที่การประชุมประจำปีของ IMF และธนาคารโลกในกรุงวอชิงตัน
“เท่าที่ผ่านมา ดิฉันคิดว่ายังไม่ได้ยินนโยบายใด ๆ จากฝั่งจีนที่ตอบสนองต่อเรื่องนั้นเลย”
ด้านกูรินชาสกล่าวในการแถลงข่าวเกี่ยวกับการคาดการณ์ล่าสุดของ IMF ว่า มาตรการกระตุ้นทางการคลังของจีนในขณะนี้ยังขาดรายละเอียด และด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้รวมอยู่ในแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่ IMF คาดการณ์ ซึ่งได้ถูกปรับลดลง 0.2% เหลือ 4.8%
นอกจากนี้ กูรินชาสยังกล่าวด้วยว่า นโยบายกระตุ้นทางการเงินเพื่อเพิ่มการปล่อยสินเชื่อที่ธนาคารกลางจีนประกาศเมื่อเดือนที่แล้วนั้น จะไม่สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ต.ค. 67)
Tags: IMF, กระทรวงการคลังสหรัฐ, จีน, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, สหรัฐ, เจเน็ต เยลเลน