จับตาส่งท้ายฤดูฝน เฝ้าระวังพายุอีก 1 ลูก เร่งเพิ่มพื้นที่รับน้ำ

นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมเดือน ต.ค. 67 พบว่า ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือจะมีปริมาณฝนลดลง เนื่องจากร่องความกดอากาศบริเวณพื้นที่ตอนบนของประเทศจะขยับเลื่อนลง ส่งผลให้มีฝนตกบริเวณภาคกลาง ก่อนจะขยับลงไปสู่พื้นที่ภาคใต้ในช่วงหลังวันที่ 15 ต.ค. 67 ตามลำดับ

โดยจากสถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้แหล่งน้ำทั่วประเทศสามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 74% ของความจุแหล่งน้ำทั้งหมด ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะใช้สำหรับเป็นน้ำต้นทุนสำหรับกิจกรรมการใช้น้ำต่าง ๆ ในช่วงฤดูแล้งหน้า พร้อมกันนี้ ได้มีการพิจารณาบริหารจัดการน้ำในเขื่อนที่มีน้ำมากโดยคำนึงถึงการป้องกันน้ำล้นเขื่อนส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งยังคงต้องมีการเตรียมพร้อมรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดพายุได้อีก 1 ลูก ในเดือนนี้ ซึ่ง สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามแนวโน้มของการเกิดพายุและทิศทางของพายุตลอดช่วงฤดูฝนนี้

ขณะที่ในช่วงวันที่ 2-3 ต.ค.67 ยังมีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย จึงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมถึงขอให้ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณริมแม่น้ำกกเตรียมความพร้อมรองรับความเสี่ยงน้ำล้นตลิ่งด้วย

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ ขณะนี้น้ำที่เอ่อล้นในลุ่มน้ำปิงและลุ่มน้ำวังทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วในเกือบทุกพื้นที่ โดยขณะนี้ได้เร่งระบายน้ำจากเขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา ซึ่งมีปริมาณน้ำมาก เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างในการรองรับน้ำหากมีฝนตกเพิ่ม ในส่วนของลุ่มน้ำยม มวลน้ำได้เคลื่อนตัวผ่านจังหวัดสุโขทัย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณน้ำในทุ่งบางระกำซึ่งเป็นพื้นที่หน่วงน้ำได้เกินความจุแล้ว ที่ประชุมจึงมีมติในการปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนนเรศวร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำของแม่น้ำยม รองรับน้ำที่ระบายออกจากทุ่งบางระกำต่อไป นอกจากนี้ยังคงต้องระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อลดระดับน้ำบริเวณเหนือเขื่อนสำหรับรองรับปริมาณน้ำจากแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาได้โดยเร็วที่สุด แต่ให้คงการระบายไว้ไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที และได้มีการทยอยระบายน้ำออกจากทุ่งลุ่มต่ำต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเพาะปลูกในช่วงเดือน พ.ย.67 ด้วย

ด้านลุ่มน้ำชี แม้เขื่อนอุบลรัตน์จะมีปริมาณน้ำจำนวนมาก แต่คาดว่าในช่วงนี้จะมีฝนตกน้อยลงจึงจะปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์เพื่อช่วยเหลือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งของลำน้ำชี ส่วนสถานการณ์ลุ่มน้ำมูลได้เตรียมความพร้อมในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยก่อสร้างคันกั้นน้ำชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) โดยสามารถเพิ่มศักยภาพในการรองรับน้ำได้จาก 2,300 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 3,200 ลบ.ม. ต่อวินาที สำหรับลุ่มน้ำป่าสัก ในระยะที่ผ่านมาได้เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เนื่องจากมีน้ำไหลเข้าจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันปริมาณน้ำในเขื่อนเริ่มลดลงตามลำดับ

ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.5 ม. และได้ดำเนินการอุดแนวฟันหลอทั้งหมดแล้วเพื่อรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุน ประกอบกับมวลน้ำจากพื้นที่ตอนบนที่ไหลลงมามีปริมาณไม่มากนัก จึงจะไม่ส่งผลให้มีระดับน้ำสูงเกินกว่าปริมาณน้ำคาดการณ์ของกรมอุทกศาสตร์ โดยหน่วยงานด้านน้ำจะบูรณาการข้อมูลเพื่อประเมินเฝ้าระวังสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 67)

Tags: , , ,