นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ว่า จากการตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงเป็นนอมินีในปีงบประมาณ 2567 รวมทั้งสิ้น 26,019 ราย ใน 4 ธุรกิจ คือ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง, ธุรกิจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ท และธุรกิจโลจิสติกส์ขนส่ง ซึ่งอยู่ใน 6 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯ สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ ภูเก็ต และชลบุรี โดยได้คัดกรองอย่างเข้มข้นเหลือ 498 รายนั้น ล่าสุดใน 498 รายนี้ ได้ยุติเรื่องไปแล้ว 371 ราย เพราะไม่พบความเสี่ยง
ส่วนอีก 64 ราย ได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำผิดเกี่ยวกับบัญชี ซึ่งได้ส่งเรื่องต่อให้กรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 63 ราย ซึ่งในจำนวนนี้พบว่ามี 4 ราย ที่ต้องสงสัยว่าอาจเข้าข่ายเป็นนอมินี อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ สุราษฎร์ธานี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล และจะส่งต่อให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายขยายผลการตรวจสอบต่อไป
“สำหรับ 64 ราย ที่แจ้งข้อกล่าวหากระทำผิดเกี่ยวกับบัญชีนั้น จากการตรวจสอบ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำบัญชี จึงส่งหนังสือให้มาชี้แจงข้อมูลแต่บริษัทนิ่งเฉย จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายบัญชีเพิ่มเติมจากกรณีเข้าข่ายเป็นนอมินีด้วย และส่งเรื่องต่อให้กรมสรรพากรดำเนินการ ส่วนอีก 63 ราย เข้าข่ายการกระทำผิดนอมินี ส่งเรื่องให้หน่วยงานอื่น ขยายผลดำเนินการแล้ว” นางอรมน กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการตรวจสอบในธุรกิจอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก หลังจากทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ ได้ร้องเรียนกรณีมีสินค้าจากต่างประเทศราคาถูก ไร้มาตรฐานเข้ามาในไทย และยังมีธุรกิจของต่างชาติ ที่เข้าข่ายไม่ดำเนินการตามกฎหมายไทยอีก ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มออนไลน์, ธุรกิจโกดังสินค้า, ธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่ง, ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าเหล็ก, ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับกรุงเทมหานคร (กทม.) แล้ว เช่น ห้วยขวาง สำเพ็ง และพบว่าบางราย มีข้อสงสัยว่าอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือเป็นนอมินี ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึก สำหรับกรณีนอมินีจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท – 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวถึงกรณีมีข่าวคนต่างด้าวเข้ามาเปิดร้านโชห่วย หรือขายของที่นำเข้าจากต่างประเทศ และให้ลูกค้าสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายเงินตรงไปยังบัญชีธนาคารที่เปิดในต่างประเทศว่า ผู้ที่จะเปิดร้านโชห่วยหรือร้านค้าปลีก จะต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ไม่ว่าจะมีพื้นที่ร้านค้าขนาดเท่าไร หรือแม้กระทั่งเป็นแผงค้าเล็ก ๆ เพื่อให้ทำธุรกิจในไทย และเสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับ กทม. เจ้าหน้าที่กรมฯ ได้แนะนำให้ กทม.บังคับให้คนเหล่านี้ต้องจดทะเบียนพาณิชย์แล้ว หากไม่ดำเนินการก็จะมีความผิด
สำหรับกรณีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยแล้วเปิดแผงขายสินค้าในตลาด เช่น อาหารสด อาหารตามสั่งนั้น ถือเป็นความผิดซึ่งหน้าตามกฎหมายของกรมการจัดหางาน หรือกฎหมายของ กทม. ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ สามารถดำเนินการได้ทันที แต่เท่าที่ทราบหน่วยงานดังกล่าวก็ได้ดำเนินการเป็นประจำอยู่แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 67)
Tags: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมสรรพากร, คนต่างด้าว, ธุรกิจ, นอมินี, อรมน ทรัพย์ทวีธรรม