CONSENSUS: CPAXTT รับผลดี Synergy ต้นทุนวูบดันกำไรพุ่ง 2 digit เปิดเทรดรอบใหม่ 3 ต.ค.

โบรกเกอร์ต่างเชียร์”ซื้อ”หุ้น บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXTT) รับประโยชน์ปรับโครงสร้างด้วยการควบรวม บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (EK-chai) ผู้บริหาร Lotus’s ทำให้เกิด Synergy ถึง 5 พันล้านบาทใน 3 ปี ลดความซ้ำซ้อนทั้งคนและค่าใช้จ่ายบริหาร ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 67-68 โต 2 digit อีกทั้งจะได้รับผลบวกโครงการแจกเงินหมื่นเฟสแรกตั้งแต่ 25 ก.ย.

CPAXT เปลี่ยนชื่อเป็น CPAXTT โดยหยุดพักการซื้อขายหุ้นในช่วง 20 ก.ย.- 2 ต.ค.67 ก่อนจะเปิดเทรดอีกครั้งในชื่อใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.67

ราคาหุ้น CPAXTT ก่อนขึ้น SP อยู่ที่ 32.50 บาท (19 ก.ย.67)

นักวิเคราะห์จาก บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การควบรวมเป็นบริษัทใหม่ CPAXTT จะทำให้เกิด Synergy ลดจำนวนคนซ้ำซ้อน และค่าใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานถูกลง คาดว่าจะเกิด Synergy ราว 5 พันล้านบาทใน 3 ปีแรก โดยในแง่ต้นทุนจะสามารถลดลง 2.5 พันล้านบาท ทำให้กำไรสูงชึ้น และอีก 2.5 พันล้านบาทจะเป็นการลด Capex

แม้ว่ากำไรที่ผ่านมาไม่หวือหวา แต่หลังจากที่สามารถลดต้นทุนได้ จะทำให้ค่าใช้จ่ายในปี 67 ถึงปี 68 ลดลง โดยประมาณการกำไรสุทธิในปี 67 ที่ 10,592 ลบ. +20.7% yoy และปี 68 คาดกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 12,773 ลบ.+20.6%yoy

นอกจากนี้ หากมีการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งประเมินว่าปีหน้าไทยน่าจะปรับลดดอกเบี้ย ก็จะช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นอีก เพราะบริษัทมีหนี้สินก่อนใหญ่ที่เกิดจากการเข้าซื้อโลตัส และส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ ขณะที่โครงการแจกเงินหมื่นบาทจะเริ่มเฟสแรกในไตรมาส 4/67 ก็จะส่งผลดีต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/67 และยังเป็น่ช่วงไฮซีซั่น คาดว่ากำไรในไตรมาส 4 น่าจะทำนิวไฮของปี

ทั้งนี้ แนะนำ”ซื้อ” เป้าหมาย 37 บาท

บล.กรุงศรี มอง “เป็นกลาง” ต่อความคืบหน้าการควบรวมกลุ่ม CPAXT เพราะเป็น Timeline เดิมอยู่แล้วไม่เหนือความคาดหมายเราและตลาด ทั้งนี้ หลังจำนวนหุ้นของบริษัทใหม่จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 10,427.7 ล้านหุ้นจากปัจจุบัน 10,580.3 ล้านหุ้น เราคาดจะมีผลต่อราคาเปิดของหุ้น CPAXTT วันแรก (3ต.ค.67) ควรสูงกว่าราคาปิดก่อนหยุดเทรดชั่วคราว +1.5%

สิ่งที่ต้องติดตามหลังปรับโครงสร้างคือความคืบหน้าในการเกิด synergies โดยตอนต้นปีที่ผ่านมา ผู้บริหารประเมินการควบกิจการ CPAXT และ Ek-chai จะลดต้นทุนซ้ำซ้อนได้ 1% ของยอดขาย หรือคิดเป็นราว 5 พันลบ.ภายใน 2-3 ปี (แบ่งเป็นผ่านงบกำไรขาดทุนและงบลงทุนอย่างละ 50%) โดยคาดปี 67 ประหยัดต้นทุนนำเข้าได้ทันที 100 ลบ.ส่วนที่เหลือเกิดในช่วง 2 ปีถัดไป

ในขณะที่เรารวม synergies ในประมาณการราว 50% ของเป้าหมายของบริษัท โดยทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี 68-70 คงคาดกำไรปกติปี 67 ที่ 1.09 หมื่นลบ.เพิ่มขึ้น +26%y-y โดยคาดครึ่งปีหลังจะเติบโตทั้ง y-y และ h-h

1) SSSG ที่บวกต่อเนื่อง โดย ก.ค.-ต้น ก.ย.67 ยังบวก +1-3% ทั้งธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีกไทยและ+3-5% สำหรับธุรกิจค้าปลีกในมาเลเซีย ส่วนไตรมาส 4/67 คาดจะเร่งขึ้นเพราะได้มาตรการกระตุ้นรัฐ 2) GPM ค้าปลีกดีขึ้นตามส่วนผสมขายอาหารสด, การบริหารต้นทุนดีขึ้นและฤดูท่องเที่ยว และ3) SG&A ค้าส่งจะขึ้นในอัตราต ลงหลังครบรอบปรับฐานขยายออนไลน์

แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 68 ก่อนและหลังควบบริษัทที่ 40 บาท และ 41 บาท ตามลำดับ เราชอบ CPAXTT ในมุมมองการเติบโตในระยะยาวที่จะได้อานิสงส์จากการปรับโครงสร้าง คาดเกิด synergies ราว 2.5 พันลบ.ใน 3 ปี หนุนการเติบโตกำไรปกติปี 68-70 เป็น +18%CAGR จากปี 65-67 โต +15%

ส่วน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า CPAXT เปลี่ยนชื่อย่อเป็น CPAXTT มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.67 เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทจะหยุดพักการซื้อขายหุ้น 9 วันทำการ จากวันที่ 20 ก.ย.-2 ต.ค.67

Newco จัดสรรหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นของ CPAXT และ Ek-Chai โดยกำหนดอัตราแลกหุ้นที่ 1 หุ้นเดิมของ CPAXT เป็น 0.5 หุ้นใน NewCo และ 1 หุ้นเดิมของ Ek-Chai เป็น 10 หุ้นใน NewCo ทั้งนี้ ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NewCo จะอยู่ที่ 10,427 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,427 ล้านหุ้น มูลค่าพาร์ 1 บาท โดยสรุปแล้ว จำนวนหุ้น NewCo จะลดลง 1.45% จากจำนวนหุ้นปัจจุบันที่ 10,580 ล้านหุ้น

การเปลี่ยนชื่อย่อและการหยุดพักการซื้อขายเป็นกระบวนการควบกิจการที่ไม่มีผลกระทบกับการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม จำนวนหุ้น NewCo ลดลงหลังควบรวมจะทำให้ EPS เพิ่มขึ้นประมาณ 1.45% เมื่ออิงตามประมาณการเดิม และเนื่องจากเรายังใช้ PER เท่าเดิม ดังนั้น ราคาเป้าหมายจึงจะเพิ่มขึ้น 1.45%

บริษัทคาดว่า synergy จากการควบรวมจะมีมูลค่าประมาณ 1% ของยอดขายรวม หรือ คิดเป็นเม็ดเงิน 5 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นอานิสงส์บางส่วน อย่างเช่นการประหยัดต้นทุนในช่วงปลายปีนี้หลังจากที่ควบกิจการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่น่าจะเห็นอานิสงส์อย่างเต็มที่ในปีหน้า ทั้งนี้ ประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรปีนี้ของเราที่ 19% และปีหน้าที่ 22% สะท้อนอานิสงส์จาก synergy ไปบางส่วนแล้ว

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และ ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 68 ที่ 39.00 บาท อิงจาก PER ที่ 33.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่างหุ้นกลุ่มนี้ในประเทศไทยและในต่างประเทศ +1.5 S.D.) ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายหลังควบรวมจะอยู่ที่ 39.50 บาท อิงจาก PER และ ประมาณการกำไรเท่าเดิม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 67)

Tags: , , , ,