สหรัฐคาดว่าจะยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับฟิลิปปินส์ตลอดวาระของประธานาธิบดีคนต่อไป ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและกลาโหมของสหรัฐยืนยันการเป็นพันธมิตรกับฟิลิปปินส์ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐในเดือนพ.ย.
นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม ได้เข้าพบกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ในวันนี้ (30 ก.ค.) ณ กรุงมะนิลา ก่อนการหารือตามกำหนดกับนายเอนริเก้ มานาโล รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ และนายกิลแบร์โต ทีโอโดโร รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์
“นับเป็นช่วงเวลา 3 ปีครึ่งที่ยอดเยี่ยม และเราตั้งตารอที่จะกระชับความสัมพันธ์นี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกในสามปีครึ่งหรืออีกสี่ปีข้างหน้า” นายออสตินกล่าวกับนายมาร์กอสระหว่างการหารือที่ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐว่า เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ได้พบปะกับพวกเขาท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ถ้อยแถลงของนายออสตินตอกย้ำให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวกที่ว่า ไม่ว่าใครจะรับช่วงต่อจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็จะยังคงรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและฟิลิปปินส์ ซึ่งแข็งแกร่งขึ้นนับตั้งแต่นายมาร์กอสเข้ารับตำแหน่งเมื่อช่วงกลางปี 2565
ในระหว่างการเดินทางเยือนฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ สหรัฐคาดว่าจะประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กองทัพต่างประเทศมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่าเป็นความช่วยเหลือทางการเงินในระดับที่ “ไม่เคยมีมาก่อน” ซึ่งสูงกว่าที่สหรัฐมอบให้ฟิลิปปินส์เป็นประจำทุกปี
ทั้งนี้ การประชุม 2+2 ณ กรุงมะนิลาเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของปธน.ไบเดนในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูตและการทหารกับชาติพันธมิตรในเอเชีย แม้ว่าเขาประกาศถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2
นอกจากนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ สหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้ลงนามในข้อตกลง ณ กรุงโตเกียวเพื่อประสานความร่วมมือด้านความมั่นคง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 67)
Tags: กระทรวงกลาโหมสหรัฐ, กระทรวงการต่างประเทศ, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ประธานาธิบดี, ฟิลิปปินส์, สหรัฐ, เลือกตั้งสหรัฐ