ตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นเวลาหลายปี แต่สถานการณ์ดังกล่าวกำลังตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว และแม้ราคาหุ้นถูกลงก็ไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ โดยข้อมูลที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์กระบุว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังจะเสียตำแหน่งอันดับ 2 ในด้านมูลค่าตลาดให้กับคู่แข่งอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยส่วนต่างมูลค่าตลาดของประเทศไทยและสิงคโปร์อยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว
การร่วงลงอย่างรวดเร็วของดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองและกฎหมาย การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ลดลงเกินคาด และข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความประพฤติมิชอบขององค์กรธุรกิจ โดยปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการเทขายหุ้น ส่งผลให้ดัชนี SET ร่วงลง 14% แล้วในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดในบรรดาดัชนีสำคัญ ๆ ทั่วโลก
อลัน ริชาร์ดสัน ผู้จัดการกองทุนจากบริษัทซัมซุง แอสเซต แมเนจเมนต์ จำกัดกล่าวว่า “ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็น “กับดักมูลค่า” (value trap) ไปจนกว่าแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการจะดีขึ้น” โดยกับดักมูลค่าหมายความว่า การที่หุ้นมีราคาถูกนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นหุ้นที่น่าลงทุนเสมอไป
ข้อมูลระบุว่า มูลค่ารวมของบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของไทยอยู่ที่ประมาณ 4.40 แสนล้านดอลลาร์ ณ วันพฤหัสบดี (25 ก.ค.) ซึ่งสูงกว่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่า 4.26 แสนล้านดอลลาร์ของตลาดหุ้นสิงคโปร์ และ 4.22 แสนล้านดอลลาร์ของตลาดหุ้นมาเลเซีย
ส่วนตลาดหุ้นอินโดนีเซียซึ่งมีมูลค่าประมาณ 7.49 แสนล้านดอลลาร์นั้น เป็นตลาดหุ้นใหญ่ที่สุดในภูมิภาคในช่วงเวลาส่วนใหญ่นับตั้งแต่ปลายปี 2564
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ค. 67)
Tags: ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย