เงินบาทเปิด 36.12 แข็งค่าเล็กน้อย ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง จับตาตัวเลขส่งออก-งบ บจ.

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.12 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากปิดวันก่อนที่ระดับ 36.16 บาท/ดอลลาร์

การเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงนี้ ยังไม่ต่างจากวันก่อนๆ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่เพิ่มเติม โดยเงินบาทยังมีโอกาส ผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ที่ยังหนุนเงินดอลลาร์ รวมถึงกดดันให้บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจทยอย ขายสินทรัพย์ไทยได้บ้าง โดยเฉพาะในส่วนหุ้น ขณะเดียวกัน เงินบาทก็อาจผันผวนไปตามโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะ ทองคำ

“การแข็งค่าของเงินบาท อาจเป็นไปอย่างจำกัด แถวโซน 36 บาท/ดอลลาร์ จนกว่าตลาดการเงินจะกลับมาอยู่ในภาวะเปิด รับความเสี่ยงชัดเจน” นายพูนระบุ

โดยช่วงนี้ ตลาดรอลุ้นว่ายอดการส่งออกของไทยเดือนมิ.ย. (ประกาศวันที่ 26 ก.ค.) จะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องหรือไม่ รวมทั้งติดตามรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดการเงินช่วงนี้ได้พอสมควร

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงาน GDP ไตรมาส 2/67 (ประมาณการเบื้อง ต้น) รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน

นายพูน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.95-36.20 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 152.80 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 154.64/66 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0839 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0839/0843 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 36.110 บาท/ดอลลาร์

– รมว.คลัง ชี้รัฐบาลเหลือกระสุนทางการคลังไม่มากนัก เนื่องจากหนี้สาธารณะ อยู่ที่ 12 ล้านลบ. หรือ 64% ของจีดีพี ขณะที่เพดานการก่อหนี้อยู่ที่ไม่เกิน 70% ของจีดีพี หรือไม่เกิน 14 ล้านลบ. จึงเท่ากับว่ารัฐบาลสามารถก่อหนี้ได้อีกไม่เกิน 2 ล้านลบ. ดัง นั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม

– “ซีไอเอ็มบีไทย” ชี้กระตุ้นได้เฉพาะพายุหมุนลูกแรก ห่วงหมดมาตรการเศรษฐกิจปีหน้าดิ่งเหว “พิพัฒน์” คาดมีส่วนกระตุ้น เศรษฐกิจไม่ถึง 1%

– กระทรวงพาณิชย์เผยส่งออกข้าวไทยครึ่งแรกของปีนี้ 4.79 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 17.98% ทำรายได้เข้าประเทศ 1.1 แสน ล้าน มูลค่าเพิ่มขึ้น 40%

– วายแอลจีชี้ทองคำยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ หลังระยะสั้นพยายามสร้างฐานที่โซน 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ แม้หลังราคาทำ ระดับสูงสุดครั้งใหม่จะมีการย่อตัวลงมา แต่เมื่อราคาสร้างฐานได้ ภาพรวมในปีนี้ยังสามารถไปถึงเป้าหมาย 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอย ออนซ์ได้ พร้อมเปิดปัจจัยบวกยังแน่น ทั้งนโยบายดอกเบี้ยเฟดที่ใกล้เข้าสู่วงจรขาขึ้นขาลง ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางภูมิรัฐ ศาสตร์ที่ยืดเยื้อ และความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งสหรัฐ

– เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับ ตัวขึ้นสู่ระดับ 55.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน จากระดับ 54.8 ในเดือนมิ.ย.

– ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (24 ก.ค.) หลัง จากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินสัปดาห์หน้า

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (24 ก.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

– นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Metals กล่าวว่า ตลาดทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอก จากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐยังทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

– นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2567 ของสหรัฐในวันนี้ และดัชนี ราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความ สำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนี ราคาผู้บริโภค (CPI)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 67)

Tags: , ,