ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,838.16 จุด ลดลง 97.31 จุด หรือ -0.28%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,387.16 จุด ลดลง 8.10 จุด หรือ -0.18%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,681.07 จุด เพิ่มขึ้น 8.39 จุด หรือ + 0.06%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุด ขานรับรายงานข่าวที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐกำลังผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน American Jobs Plan จะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในสหรัฐ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งถึง 7% ในปีนี้ หากมีการบังคับใช้กฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งริเริ่มโดยคณะบริหารของปธน.ไบเดน
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะที่ภาครัฐและเอกชนของสหรัฐได้ประกาศกฎระเบียบใหม่ในการควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้พนักงานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยแม้ว่าจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม และมีบริษัทหลายแห่งออกกฎบังคับให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนก่อนที่จะเข้ามาทำงานในออฟฟิศ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.9 หลังจากแตะระดับ 60.6 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.17% ทั้งนี้ หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ดิ่งลง 3.88% หุ้นอัลโค คอร์ป ร่วงลง 1.84% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ปรับตัวลง 0.23%
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.57% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 1.39% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ปรับตัวลง 1.13% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 1.9%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้นขานรับความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.82% หุ้นเฟิร์สท์ เอนเนอร์จี บวก 0.37% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ดีดขึ้น 0.49% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.03%
หุ้น Square ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทครายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 10.22% หลังจาก Square ประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท Afterpay ซึ่งเป็นธุรกิจด้านการชำระเงินออนไลน์ของออสเตรเลีย ในวงเงิน 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ส.ค. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก