นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก และ X ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การประชุมวันนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดลงทะเบียน และการดำเนินการในภาพรวมที่จะรองรับการใช้งานของประชาชน และร้านค้า โดยมีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมไปถึงการลงรายละเอียดเงื่อนไขของการรับสิทธิ์ และมาตรการป้องกันการทุจริต การเรียกเงินคืนให้ชัดเจนขึ้น
“โครงการดิจิทัลวอลเล็ต คือ โครงการใหญ่ของภาครัฐ ที่จะเติมเงินกระเป๋าพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการ และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม เพื่อความละเอียดรอบคอบทั้งทางกฎหมาย และทางเทคนิค โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ทำให้ใช้เวลาดำเนินการมากหน่อย แต่พี่น้องไม่ต้องคอยเก้อแน่นอน” นายกรัฐมนตรี ระบุ
*บอร์ดเห็นชอบโครงสร้างแหล่งเงินใหม่ ไม่ใช้เงินธ.ก.ส.-ไม่ลดขนาดโครงการ
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต มีมติเห็นชอบโครงสร้างแหล่งที่มาของเงินใหม่ โดยสาเหตุที่มีการปรับเปลี่ยน เนื่องจากได้ดำเนินการตามข้อห่วงใยของหน่วยงานที่ตรวจสอบ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปรับลดขนาดโครงการ ยังคงเป้าหมายประชาชนที่ 50 ล้านคนเช่นเดิม ซึ่งจากการดำเนินโครงการของรัฐบาลในอดีตส่วนใหญ่ จะพบว่ามีผู้มาลงทะเบียนไม่เกิน 90% ดังนั้นจึงตั้งงบประมาณไว้รองรับที่ 45 ล้านคน หรือคิดเป็นงบประมาณรา 4.5 แสนล้านบาท แต่ทั้งนี้ หากมีประชาชนมาลงทะเบียนน้อยกว่าหรือมากกว่า ก็จะใช้กลไกบริหารงบประมาณเพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอกับโครงการนี้
“จากการพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความจำเป็นต้องเตรียมงบประมาณน้อยลง ประกอบกับมีข้อห่วงใยกับการใช้มาตรา 28 และขณะนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ 67 เริ่มเห็นความชัดเจนของตัวเงิน กระทรวงการคลังและสำนักงานงบประมาณ ได้หารือกัน นำเสนอโครงสร้างกรอบวงเงินใหม่ ซึ่งที่ประชุมให้ความเห็นชอบว่าจะไม่มีการใช้มาตรา 28 โดยจะใช้จากแหล่งเงินงบประมาณ 67 และงบประมาณ 68 โดยมีงบประมาณเพียงพอ และดำเนินการได้ภายในกรอบงบประมาณ” รมช.คลัง กล่าว
พร้อมชี้แจงแหล่งที่มาของเงินเพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ประกอบด้วย งบประมาณปี 67 มาจากงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท ซึ่งจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ในวันพุธนี้ (17 ก.ค.) และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลัง และการบริหารงบประมาณอีก 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นงบกลางได้ แต่ไม่ใช่เพียงส่วนเดียว
นอกจากนี้ จะใช้งบประมาณปี 68 จำนวน 1.52 แสนล้านบาท และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลัง และการบริหารงบประมาณของปี 68 อีก 1.32 แสนล้านบาท โดยยืนยันว่า สามารถบริหารจัดการงบประมาณ 68 ในกรอบที่ได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณที่ผูกพันไม่ทัน หรืองบประมาณที่ใช้ยังไม่สำเร็จ และกลไกบริหารงานงบประมาณค่อนข้างหลากหลาย โดยยืนยันว่า งบประมาณที่จัดสรรยังถือว่า สามารถทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของการเปิดลงทะเบียนจะมีการชี้แจงในวันที่ 24 ก.ค. ซึ่งที่ประชุมฯ วันนี้ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับฯ ไปกำหนดรายละเอียดวันเริ่มลงทะเบียนที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนการทำงานด้านตัวระบบลงทะเบียน มีความคืบหน้าในระดับที่น่าพอใจ สำหรับไทม์ไลน์ของโครงการ จะมีการนำเสนอ ครม.ในสัปดาห์หน้า
*สั่งพาณิชย์กำหนดประเภทสินค้า Negative List
รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต มอบให้กระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่กำหนดประเภทสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ (Negative List) ไม่ว่าจะเพิ่มเติมหรือปรับลด หากมีความจำเป็นตามสถานการณ์ต่อไป แต่จะต้องเสนอที่ประชุมอนุกรรมกำกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตอีกครั้ง
“วันนี้ มีข้อเสนอจากบางส่วนงาน ยกตัวอย่างที่ยังไม่ได้คุยกัน เช่น สินค้าอาวุธปืน ยุทโธปกรณ์ ยังไม่ได้คิดกันในอนุกำกับฯ ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มต้องพิจารณา เราก็รับข้อเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ไปดู และนำเสนอคณะกรรมการต่อไป” นายจุลพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต ได้มีการพิจารณาตัดสิทธิ์กลุ่มบุคคล และร้านค้าที่เคยทำผิดเงื่อนไขโครงการของรัฐในอดีต หรือมีการฟ้องร้องเรียกเงินคืนในอดีตอีกจำนวนหลายหมื่นราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 67)
Tags: จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, ดิจิทัลวอลเล็ต, เศรษฐา ทวีสิน