สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดราชดำเนินเสวนา ครั้งที่ 2/2567 ในหัวข้อ “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤตครั้งใหม่” โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) , นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นางนันทนา นันทวโรภาส ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ว่าที่ สว.
* หนุน กกต.รับรองก่อนสอยทีหลัง
นายปริญญา กล่าวว่า ถึงแม้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. จะไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องประกาศรับรอง สว.ชุดใหม่ แต่หาก กกต.ไม่มีสื่อสารกับประชาชนก็จะอยู่ท่ามกลางความคลุมเครือ สถานการณ์ดังกล่าวเกิดจากระบบการเลือกที่มีความซับซ้อนที่สุดในโลก ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้เลือกตั้งโดยตรง เพราะกลัวฝ่ายการเมืองจะไปมีบทบาทในสภาสูง แต่หากเป็น สว.แต่งตั้งก็จะกลายเป็นรัฐบาลควบคุม สว.ได้อีก จึงวางแนวทางให้เลือกกันเอง โดยเชื่อว่าจะได้ สว.ที่มาจากตัวแทนทุกกลุ่มอาชีพ และสุดท้ายใครจัดตั้งจะได้เปรียบซึ่งเรื่องนี้มีแน่นอน เพราะบางจังหวัดมี สว.มากเกินไป ขณะที่มี 13 จังหวัดที่ไม่มี สว.แม้แต่คนเดียว
“การไม่ประกาศผล สว.ชุดใหม่ ทำให้ สว.ชุดปัจจุบันยังมีอำนาจต่อไป ถามว่าทำไมมีเครือข่ายบ้านใหญ่มาลงกันมาก เพราะ สว.สามารถเลือกองค์กรอิสระ หรือเข้าถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งคล้ายกับปี 2540 ที่ฝ่ายการเมืองส่งคนเข้ามาเป็น สว.” นายปริญญา กล่าว
ดังนั้น กกต.ควรประกาศรับรอง สว.ทั้ง 200 คน หรือไม่ครบไปก่อนก็ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ก็แปลว่าต้องครบ 200 คนหรือไม่ หรือประกาศเท่าที่ประกาศก่อนได้ แต่ถ้ามีการสืบสวนจะทำให้การประกาศลากยาวไปหรือไม่ ซึ่ง กกต.ควรสื่อสารกับประชาชนว่า จะขอเวลาหากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก และหากใครมีหลักฐานก็จะไปสอย จึงเชื่อว่าประชาชนก็จะรับได้ สิ่งสำคัญ กกต.ต้องแจ้งว่าจะใช้กรอบเวลากี่วันถึงจะประกาศออกมา ไม่ใช่ให้ประชาชนรอไปเรื่อย ๆ ถ้า กกต.ประกาศช้า สว.ชุดปัจจุบันยิ่งอยู่ในวาระต่อไป
“กกต.ควรประกาศ สว.ไม่ควรนานกว่า สส. คือ 60 วัน ถ้า กกต.อยากขอเวลาเพิ่มก็เชื่อว่าประชาชนก็ให้ได้ แต่ไม่ควรแขวนไปเรื่อย ๆ” นายปริญญา กล่าว
ส่วนกระแสข่าว สว.สีน้ำเงิน จะครอบงำสภาสูงนั้นเป็นการคาดการณ์และสันนิษฐานจากความเกี่ยวข้องกัน แต่ไม่อยากให้สรุปว่า สว.ชุดนี้ใช้ไม่ได้ และต้องเลือกกันใหม่ สว.ชุดใหม่ถือเป็นความหวังเพราะมีที่มาหลากหลาย แม้จะมีข้อครหา แต่ กกต.ควรเร่งประกาศรับรองผล เพราะหากต้องรอให้บริสุทธิ์ผุดผ่องทุกคนอาจต้องรอข้ามปี จะยิ่งเป็นการลากยาวให้กับ สว.ชุดปัจจุบัน ขณะที่ใกล้เวลาที่จะมีการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 2 คนจึงอาจถูกมองได้ว่าลากยาวเพื่อเหตุนี้ ส่วนที่จะมีการนัดประชุม สว.ในวันที่ 8 ก.ค.นี้ต้องถามว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ สำหรับการเลือก สว.ด้วยระบบนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย น่าจะมีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกัน
* แนะ สว.ชุดปัจจุบันคใรมีมารยาทยุติบทบาท
นางนันทนา กล่าวว่า อาชีพแรกของตนเป็นผู้สื่อข่าวในนิตยสารอาทิตย์สยามใหม่ และเห็นว่าสื่อเป็นอาชีพที่ได้เงินน้อยและงานหนัก ซึ่งตนจะผลักดันเรื่องนี้ และเห็นด้วยที่ กกต.จะประกาศรับรองไปก่อนแล้วตามสอยภายหลัง หากรับรองช้าจะไปร้อง กกต.บ้างได้หรือไม่ ส่วนที่ สว.ชุดปัจจุบันจะเปิดประชุมเพื่อตรวจสอบการได้มาของ สว.ชุดใหม่ จะถือว่าใช่หน้าที่หรือไม่ ถ้า สว.ชุดใหม่เข้าไปจะเปิดสภาเพื่อตรวจสอบการได้มาของ สว.ชุดเก่าได้หรือไม่ ดังนั้นโดยมารยาทแล้ว สว.ชุดเก่าควรยุติบทบาทและไม่ดิ้นรนต่อไป
“การได้มาของ สว.ครั้งนี้พิสดารและวิปริตที่สุดในโลก จึงไม่ควรมาใช้กับการคัดเลือกกับผู้ที่มาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นเหมือนเล่นเกมโชว์ไปรับรางวัลใหญ่ ขอเรียกวิธีการคัดเลือกเป็นประเภทว่า โหด เหี้ยม หักหลัง และฮั้ว ที่ผ่านมายังไม่มีการกำหนดคุณสมบัติผู้คัดเลือก ทั้งที่อย่างน้อยต้องกำหนดให้มีความรู้ขั้นต่ำในระดับปริญญาตรี หากไม่รู้จะตรวจสอบกฎหมายได้อย่างไร ก็เห็นว่าจะได้คนที่ไม่มีคุณภาพและไม่ตรงปกมาทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ” นางนันทนา กล่าว
ตนไม่เห็นด้วยกับกติกาคัดเลือก สว.ครั้งนี้ การเลือกกันเองอาจได้คนไม่มีคุณภาพ อยากให้ประชาชนเป็นคนเลือก สว.จะดีกว่าหรือไม่ เพราะอำนาจที่ไหนไม่ปลอดภัยเท่ากับอยู่ที่ประชาชน ที่ผ่านมาได้รวมกลุ่มว่าที่ สว.ที่มีอุดมการณ์ร่วมกันประมาณ 30 คน ถึงจะมีจำนวนน้อยก็ไม่เป็นไรเพราะถือว่าเป็นความหวัง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า สว.สายสีน้ำเงิน เข้ามามากที่สุดนั้นถือเป็นเรื่องเจ็บจี๊ดและมีจริง
“ดิฉันเปิดโอกาส สว.ยุคใหม่ต้องสื่อสารกับประชาชน และเรียกร้องให้ถ่ายทอดสดการประชุม สว.และกรรมาธิการทุกนัด เพราะหาก สว.รู้อะไร ประชาชนต้องรู้เหมือนกัน รวมถึงการเลือกองค์กรอิสระต้องแสดงวิสัยทัศน์ และถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ดู เพื่อความโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนสนใจการประชุมของ สว.มากขึ้น เป็นความหวัง” นางนันทนา กล่าว
* อดีต กกต.แฉจ่ายเงินแสนแลกล็อกโหวต
นายสมชัย กล่าวว่า วันนี้มาพูดในฐานะอดีต กกต.และอดีตผู้สมัคร สว.ที่เห็นกระบวนการคัดเลือก สว.ครั้งนี้ ซึ่งเจตนารมณ์การออกแบบกติกาการคัดเลือกตั้ง สว.เพื่อให้ได้กลุ่มอาชีพที่หลากหลาย แต่ภายใต้การออกแบบทั้งหมดตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ร.ป.สว. จนถึงระเบียบ กกต.ก็ถือว่าเราได้ในระดับหนึ่ง แต่เกินกว่าครึ่งของว่าที่ สว.ดูเหมือนว่าจะถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง ทำให้ความเป็นกลางจะไม่เกิดขึ้นตามสิ่งที่ตั้งไว้
ในขั้นตอนเลือกระดับประเทศมีผู้สมัครอิสระได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากคนกลุ่มหนึ่งเสนอตัวเลขให้มาอยู่กลุ่มเดียวกันเพื่อเลือกคนตามโพย โดยมีค่าโรงแรม ค่าเครื่องบิน ให้เงิน 1-2 แสนบาท หากผ่านไปถึงรอบสุดสาย ซึ่งเป็นโพยสำเร็จรูปไม่ว่าอยู่ในกลุ่มไหนใน 20 กลุ่มก็จะกำหนดว่าต้องเลือกใคร โดยโพยเหล่านี้ไม่มีการพิมพ์ แต่ให้จดด้วยลายมือ โดยลำดับที่ 1-7 จะมีคะแนนเกาะเป็นกลุ่ม เพราะบัตรที่ใช้เลือกรอบบ่ายจะมีเพียง 5 เบอร์เท่านั้น ก็เป็นกระบวนการที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นจึงเห็นว่าคนกลุ่มนี้มีคะแนนสูงมาจากโพย
ที่ผ่านมา กกต.บอกว่ารู้ทั้งหมดว่ามีการประชุมที่ไหน และมีสายลับทั้งหมด ทำให้ราคาคุยของ กกต.มีไม่น้อย แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอาจทำให้สังคมรู้สึกว่าจะมี กกต.ไปทำไม และคงต้องมีราคาที่ต้องจ่ายกลับไม่น้อย แต่เชื่อว่า กกต.จะประกาศรับรองแน่นอนและประกาศจนครบแล้วไปดูหลักฐานเพื่อสอยภายหลัง
“สว.ไม่ได้หน้าตาดีทั้งหมด แต่หน้าตาดีก็มีเยอะ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าจะทำงานไม่ได้ ถึงแม้จะคิดว่ามีคุณสมบัติแบบนี้มาเป็น สว. แต่ต้องยอมรับกติกาที่เกิดขึ้น ส่วนตรงไหนเป็นปัญหาต้องหาทางแก้ไขต่อไป” นายสมชัย กล่าว
อนาคต สว.ยังมีความหวัง แม้ไม่ได้หน้าตาดีทั้งหมด แต่อนาคตทางการเมืองไทยถือว่าวิกฤต อย่าไปคิดว่าที่ สว.ใหม่จะทำงานไม่ได้ มีที่มาไม่ชอบมาพากล ต้องยอมรับถึงผลและกติกาที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องหาทางแก้ไขต่อไปในอนาคต ส่วนการนัดประชุมวุฒิสภา 8 ก.ค.นี้ ทำไมจึงมาขยันอะไรในตอนนี้ และเหมาะสมหรือไม่ที่จะตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษา ตรวจสอบ การเลือก สว.67
* ว่าที่ สว.ไม่ตรงปก 20 คน
นายไชยยงค์ กล่าวว่า แม้ตนจะมาเป็นที่หนึ่งในการเลือกรอบแรกของสายสื่อมวลชนระดับอำเภอ มาถูกสกัดในระดับจังหวัด แต่ถึงรอบไขว้ระดับประเทศก็สามารถผ่านมาได้เป็นอันดับสอง แต่ไม่มีใครโทรศัพท์มาหา เพราะคงไม่มีใครอยากจะคุยด้วยกับสื่อมวลชน และรู้มาว่ากลุ่มนักกฎหมายก็ไม่มีใครโทรศัพท์หาเช่นกัน ต่อให้ผู้สมัครมีโปรไฟล์ดีแต่ไม่มีการคุยกันก็ไม่มีคนเลือก ซึ่งเป็นไปตามลักษณะสังคมไทย จึงต้องมีการพูดคุยปฏิสัมพันธ์กับคนกลุ่มอื่น ๆ เพื่อหวังว่าคนเหล่านี้เมื่อมาถึงรอบสุดท้ายจะมีการแลกคะแนนกัน
หลังจากนี้ต้องรอว่า กกต.จะประกาศรับรองเมื่อไหร่ ตนมองว่าใน สว.ชุดใหม่ 200 รายชื่อจะมีคนไม่ตรงปกประมาณ 20 คน แต่เชื่อว่าการมีคนทุกสาขาอาชีพจะมาสะท้อนปัญหาต่าง ๆ ของสังคมได้ดีกว่า ในฐานะมีประสบการณ์ที่สะท้อนจากอาชีพ ดังนั้น สว.ชุดใหม่ก็ถือว่าเป็นความหวังของประเทศ
“ผู้ที่เป็นประธานเลือก สว.ก็จะเป็นลางบอกเหตุได้ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งสังคมจะเห็น สว.ชุดนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเป็นที่คาดหวังของประชาชนได้หรือไม่” นายไชยยงค์ กล่าว
ประเทศไทยยังไม่สามารถที่จะฝากการแก้วิกฤตไว้กับ สว.ชุดนี้ได้ แต่ สว.ชุดนี้อาจไปทำให้เกิดการขับเคลื่อนแก้ปัญหาบางสิ่งบางอย่าง ให้ดีกว่าที่ผ่านมา และจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหากมีช่องทาง ซึ่งส่วนตัวมีจุดยืนสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 67)
Tags: กกต., สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สว.