นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ผลักดันรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องแตะ 58,000 ล้านบาทภายในปี 73 หรือเติบโตขึ้นเท่าตัวจากสิ้นปี 66 ที่บริษัทมีรายได้ราว 2.9 หมื่นล้านบาท ด้วยการขยายธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว และ การขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ให้เติบโต 2 เท่า รวมถึงการขยายผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปูนกาว ยาแนว บานประตู หน้าต่าง เป็นต้น พร้อมทั้งมองโอกาสลงทุนควบรวมกิจการและสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร
สำหรับปีนี้บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโตมาที่ 30,000 ล้านบาท โดยมองแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเร่งลงทุนโครงการภาครัฐที่คาดจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนตามมา ขณะเดียวกัน ภาพกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าโครงการคอนโดมิเนียมยังเติบโตดีจากที่รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาซื้อได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อ SCGD ตามมา
ด้านธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลัก บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศเวียดนาม, เพิ่มความสามารถการแข่งขันผ่านการเพิ่มสินค้าประเภท HVA, เน้นจำหน่ายสินค้าที่ตลาดมีความต้องการสูง เช่น แผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น
ในเดือน ก.ค.นี้ บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเดินเครื่องทดสอบการผลิตของโรงงานแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO กำลังการผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี ด้วยงบลงทุนราว 138 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างยอดขายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท ชิงส่วนแบ่งตลาดแผ่นปูฟื้นไวนิลระดับบน (SPC/LVT) ในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 8,000 ล้านบาท
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีแผนผลักดันยอดขาย ด้วยการโปรโมทสินค้าภายใต้แบรนด์ COTTO ที่มีบริการติดตั้งครบวงจรจากทีมช่างคุณภาพ และขยายตลาดไปยังช่องทางอื่นนอกเหนือจากงานโครงการ B2B เช่น ขยายช่องทางไปยัง B2C ที่เป็นค้าปลีกมากขึ้น ผ่านเครือข่ายร้านผู้แทนจำหน่ายที่มีทั้งหมด
นายนำพล กล่าวว่า กระบวนการผลิตแผ่นปูพื้นและตกแต่งผนัง SPC จาก LT by COTTO บริษัทฯ ได้นำประสบการณ์และเทคโนโลยีการผลิตมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการติดตั้งระบบดูดกลิ่น (Air purifier) ระบบดักจับฝุ่น (Dust collector) ที่เกิดจากกระบวนการผลิต รีไซเคิลของเสียที่เกิดจากกระบวนกระบวนการรีด (Extrusion) กระบวนการตัด และการเซาะร่อง (Cutting and Slotting)
นอกจากนี้ SPC เป็นสินค้าประเภทไม่ผ่านการเผา ไม่มีการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ จึงไม่ปล่อย CO2 เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ นอกจากจะเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์และสอดรับกับเทรนด์รักษ์โลกแล้ว ยังถือว่าเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวของ SCGD เนื่องจากเป็นวัสดุปูพื้นและบุผนังประเภทใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
ด้านธุรกิจสุขภัณฑ์ บริษัทจะเน้นการขายในอาเซียน ผ่านช่องทางของธุรกิจ Decor Surface ซึ่งปัจจุบันมีผู้แทนจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 161 ราย รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนทั้งในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงงานผลิตเซรามิกส์ หรือลงทุนก่อสร้างโรงงานเอง ในเวียดนามตอนใต้ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน 1-2 ปีนี้ คาดกำลังการผลิตราว 10 ล้านตารางเมตร วางงบลงทุนไว้ราว 1-2 พันล้านบาท
“มองว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกมาก จากโครงสร้างประชากรที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว ที่อยู่ในช่วงสร้างที่อยู่อาศัย”
นายนำพล กล่าว
ทั้งนี้ SCGD ตั้งเป้าจะมีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศเติบโตไม่น้อยกว่า 50% ในปี 73 ขณะที่ในประเทศจะลดลงมาอยู่ที่ 44% จากปัจจุบันที่ 60-65%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 67)
Tags: SCGD, นำพล มลิชัย, หุ้นไทย, เอสซีจี เดคคอร์