ข้อมูลจาก CCData ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยระบุว่า ราคาบิตคอยน์ยังไม่ได้แตะจุดสูงสุดของวงจรในปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าราคาบิตคอยน์จะทะยานขึ้นทะลุระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เคยทำไว้ในปีนี้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เหนือระดับ 73,700 ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นราคาได้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ที่ประมาณ 59,000 – 72,000 ดอลลาร์
CCData ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค.นั้น มาจากการที่สหรัฐอนุมัติและเปิดตัวกองทุน Spot Bitcoin ETF ในเดือนม.ค. ซึ่งสามารถดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าสู่กองทุนดังกล่าวประมาณ 1.441 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปี 2567
การอนุมัติดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนสามารถถือครองผลิตภัณฑ์ Spot Bitcoin ETF ซึ่งเคลื่อนไหวตามราคาบิตคอยน์ได้โดยไม่ต้องถือครองเหรียญบิตคอยน์โดยตรง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงคริปโทเคอร์เรนซีกล่าวว่า Spot Bitcoin ETF จะช่วยให้นักลงทุนสถาบันรายใหญ่สามารถเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น
สำหรับคำว่า วงจรบิตคอยน์ (Bitcoin Cycle) นั้น หมายถึงช่วงเวลาที่บิตคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ จากนั้นก็อ่อนตัวลงมาจนเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) หรือฤดูหนาวบิตคอยน์ (Crypto Winter) ซึ่งวงจรเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นซ้ำในรูปแบบเดียวกัน โดยนับตั้งแต่มีการเปิดตัวบิตคอยน์นั้น ราคาบิตคอยน์ได้เคลื่อนไหวจนครบวงจรดังกล่าวแล้ว 3 ครั้ง
รายงานของ CCData ซึ่งติดตามประวัติการเคลื่อนไหวของราคาบิตคอยน์ในอดีตที่ผ่านมานั้น บ่งชี้ว่าราคาบิตคอยน์ยังมีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ โดยเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มในอดีตพบว่า ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving มักจะเกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาที่ราคาบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นและสามารถเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 366 – 548 วัน ก่อนที่สร้างจุดสูงสุดของวงจร (Cycle Top) โดยปรากฏการณ์ Bitcoin Halving แต่ละครั้งจะมีวงจรที่ยาวนานกว่าที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า
ทั้งนี้ CCData ระบุว่า ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2567 ดังนั้นราคาบิตคอยน์จึงมีโอกาสพุ่งแตะระดับสูงสุดระดับใหม่เพื่อพิจารณาจากช่วงเวลาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 67)
Tags: bitcoin, Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, บิตคอยน์