ยุคสมัยแห่งการจ่ายเงินเดือนจำนวนมากให้กับนักการเงินชาวจีนกำลังจะสิ้นสุดลง เนื่องจากบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของจีนบางรายได้กำหนดเพดานค่าจ้างที่เข้มงวดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่า กลุ่มบริษัททางการเงินรายใหญ่ของจีนได้ขอให้พนักงานระดับอาวุโสไม่รับโบนัสที่มีกำหนดจะจ่ายในภายหลัง และในบางกรณี ให้คืนเงินที่ได้รับในปีก่อนหน้าเพื่อให้เป็นไปตามกฎที่จำกัดจำนวนค่าจ้างก่อนหักภาษีที่ 2.9 ล้านหยวน
แหล่งข่าวระบุว่า ไชน่า เมอร์แชนท์ส กรุ๊ป (China Merchants Group), ไชน่า เอเวอร์ไบรต์ กรุ๊ป (China Everbright Group) และ ซิติก กรุ๊ป คอร์ป (Citic Group Corp) เป็นหนึ่งในบรรดาหน่วยงานของรัฐที่แจ้งให้พนักงานทราบถึงมาตรการดังกล่าวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้ง ผู้จัดการกองทุนบางรายยังถูกกดดันให้คืนเงินค่าจ้างที่ได้รับในปีก่อนหน้าซึ่งไม่เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเม.ย. แหล่งข่าวกล่าวว่า ผู้จัดการกองทุนรวมของจีนหลายรายเสนอให้จำกัดเพดานเงินเดือนพนักงานที่ประมาณ 3 ล้านหยวน แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีหน่วยงานทางการเงินเท่าไรที่ดำเนินการตามคำแนะนำในตอนนี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่จีนเริ่มสอบสวนการต่อต้านการรับสินบนระลอกใหม่ โดยมุ่งเป้าไปที่ธนาคารรายใหญ่ของรัฐ ธนาคารกลาง และหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นการสอบสวนในวงกว้างเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 2564 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรม
ตามที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กคำนวณข้อมูลจากทางการ ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีเจ้าหน้าที่การเงินและผู้บริหารอย่างน้อย 130 รายถูกสอบสวนหรือลงโทษ
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนหันมาให้ความสำคัญกับการปราบปรามคอร์รัปชันในกลุ่มผู้นำและผู้บริหารองค์กรมากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจประเทศ และป้องกันความเสี่ยงทางการเงินอย่างเป็นระบบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 67)
Tags: ค่าจ้าง, จีน, นักการเงิน, พนักงาน, สี จิ้นผิง, แรงงาน