นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอสเซทไวส์ (ASW) เปิดเผยว่า จากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าจดทะเบียนโอนจากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนองจากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขายอสังหาฯ ราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีคอนโดฯและโครงการบ้านพร้อมอยู่ที่ราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท ที่ได้รับอานิสงส์ดังกล่าวจากในพอร์ตทั้งหมดที่มี แบ่งเป็น Backlog ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ คิดเป็นมูลค่าโครงการกว่า 7,500 ล้านบาท และกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 9,200 ล้านบาท ที่ผู้ซื้อจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จากทางภาครัฐ กระจายครอบคลุมบนทำเลศักยภาพในพื้นที่กรุงเทพฯ แหล่งสถานศึกษาชื่อดังของประเทศ และเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างจังหวัดภูเก็ต โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และลดค่าจดจำนอง เหลืออย่างละ 0.01% จากปกติคิดอัตรา 2% และ 1% ตามลำดับ หากซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาทจะทำให้ผู้ซื้อประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 19,850 บาท ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ อีกทั้งยังจะเป็นผลบวกต่อการดำเนินงานของ ASW ในปี 2567 นี้จากการเร่งตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
นายกรมเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในครึ่งปีแรกอาจยังไม่คึกคักมากนัก เป็นผลมาจากที่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขยายตัวไม่มาก ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคธุรกิจอสังหาฯ เพิ่งมีผลบังคับใช้ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป อีกทั้งผู้ซื้ออาจรอดูแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยครึ่งปีหลังก่อนตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ดี โครงการคอนโดฯ ในบางโลเคชั่นในช่วงที่ผ่านมายังมีความต้องการซื้อจากคนในพื้นที่สูง เช่น โครงการ “เคฟ ลูมินัส บางมด” (Kave Luminous Bangmod) โครงการใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 516 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ได้เปิดขายเมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดมียอดขายพรีบุ๊คแล้วกว่า 80%
ขณะที่ “เคฟ เจเนซิส นครปฐม” (Kave Genesis Nakhonphathom) 579 ยูนิต ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครปฐม และมหาวิทยาลัยศิลปากร ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,160 ล้านบาท เปิดรอบพิเศษให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรกเมื่อวันที่ 8-9 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี สะท้อนถึงการพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ได้เป็นอย่างดีทั้งกลุ่มผู้ที่ซื้ออยู่อาศัยเองและกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่ารับผลตอบแทนที่ดี
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง คาดว่าผู้บริโภคจะมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น จากปัจจัยบวกของมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดปลายปี 2567 จะเป็นแรงกดดันให้ผู้บริโภคที่มีแผนจะซื้อบ้านอยู่แล้ว เร่งการตัดสินใจซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของปีนี้ให้เติบโตขึ้นได้เช่น การเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 36.7 ล้านคน (จากเป้าเดิม 35.7 ล้านคนในปี 2567) การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ให้ได้ตามเป้าหมายในไตรมาส 3/2567 ที่ 75% และส่วนที่เหลือให้ทันภายในไตรมาส 4 ของปีงบประมาณนี้ รวมถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต 5 แสนล้านบาท ที่คาดว่าประชาชนจะสามารถเริ่มรับเงินเพื่อใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2567 นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 67)
Tags: ASW, กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์, หุ้นไทย, แอสเซทไวส์