นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ชิ้นส่วนตัวยึดรางร่วงหล่นลงบนถนนศรีนครินทร์ ช่วงสถานีกลันตันถึงสถานีศรีอุดม เมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ต้องปรับลดความถี่การให้บริการ ส่งผลให้ผู้โดยสารลดลงเหลือเฉลี่ยประมาณ 3 หมื่นกว่าคน/วัน จากก่อนหน้ามีกว่า 4 หมื่นคน/วัน ขณะที่เป้าของสายสีเหลืองประเมินว่าจะมีผู้โดยสารที่ 2 แสนคน/วัน ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ส่วนสายสีชมพู (มีนบุรี-แคราย) ปัจจุบันมีผู้โดยสารเฉลี่ย 6 หมื่นคน/วัน เคยสูงสุดที่ 7 หมื่นคน / วัน โดยเป้าผู้โดยสารสายนี้ คือ 2 แสนคน/วันเช่นกัน โดยปี 2568 จะเปิดส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี ก็คาดหมายว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่ม อีก 3-4 หมื่นคน /วัน
ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่ง บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เป็นผู้รับสัมปทาน ผู้โดยสารก็ยังไม่กลับมาเท่าเดิม โดยเฉลี่ย 6 แสนคน/วัน หรือกลับมาราว 80% ของช่วงก่อนเกิดโควิด (มีประมาณ 7 แสนคน/วัน) เพราะพฤติกรรมการเดินทาง การทำงาน ที่ปรับเปลี่ยนไป สามารถประชุมออนไลน์หรือทำงานที่บ้านได้ ส่วนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีนก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งเห็นว่าการจัดระบบฟีดเดอร์เข้าสู่รถไฟฟ้าได้สะดวก จะกระตุ้นการเดินทางด้วยระบบรางให้เพิ่มขึ้นได้
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้ามีระบุถึงมาตรฐานการให้บริการเป็น KPI กรณีเกิดเหตุหรือไม่สามารถดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในสัญญา รฟม.จะประเมินการทำงานเป็นรายปี หากไม่ผ่านเกณฑ์ KPI ก็จะหักเงินสนับสนุนค่างานโยธาที่รัฐต้องจ่ายตามสัญญาร่วมทุน 5% ซึ่งสายสีเหลืองวงเงินอุดหนุน 25,050 ล้านบาท แบ่งจ่าย 10 ปีเฉลี่ยปีละ 2,505 ล้านบาท หรือหักประมาณ 125 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อย และ รฟม.ต้องตรวจรับรอง หากผ่านเกณฑ์ก็คืนเงินจำนวนนั้นให้บริษัท ซึ่งสายสีชมพู รัฐอุดหนุนปีละ 2,500 ล้านบาท ตามเงื่อนไขสัญญาเหมือนกัน
ทั้งนี้ KPI จะกำหนดมาตรฐานการทำงานไว้หลายระดับ การหักเงินอุดหนุนเป็นระดับหนึ่ง กรณีที่ผิดพลาดมากโทษสูงสุดคือ บอกเลิกสัญญา
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ติดตามความคืบหน้าในการซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชิ้นส่วนตัวยึดรางร่วงหล่นลงบนถนนศรีนครินทร์ โดยได้สั่งการให้ รฟม. กำกับผู้รับสัมปทานเร่งดำเนินการซ่อมบำรุงเส้นทางให้คืนสภาพสมบูรณ์และปลอดภัย ซึ่งการตรวจสอบทุกอย่างเป็นไปตามหลักมาตรฐานความปลอดภัย ล่าสุดได้ผ่านการรับรองจนสามารถเปิดให้บริการเดินรถได้ตามปกติแล้ว
รฟม.ได้รายงานว่า ผู้รับสัมปทานได้ซ่อมแก้ไข และมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบอุปกรณ์รอยต่อและรางจ่ายไฟที่ติดยึดกับทางวิ่งตามคู่มือซ่อมบำรุงลงจากทุกรอบ 6 เดือน เป็นทุก 2 เดือน และในจุดที่เฝ้าระวังพิเศษ จะมีการตรวจสอบทุก 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบป้องกันเพิ่มเติม ด้วยการติดตั้งกล้อง image processing ร่วมกับ AI เพื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับความผิดปกติของล้อและราง สามารถแจ้งเตือนมายังศูนย์ควบคุมได้ทันการณ์ เพิ่มเติมจากการระบบรถตรวจการณ์ตามปกติ ซึ่งจะติดที่บริเวณล้อ ของทั้งสายสีเหลืองและสายสีชมพู ซึ่งจะทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเสียหาย ลดเวลาการซ่อมแซม เป็นการเพิ่มเติมระบบป้องกันล่วงหน้า จึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่ใช้บริการ และผู้ที่สัญจรตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า สายสีเหลืองนั้นทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ และมีการป้องกันที่ดีขึ้น สร้างความมั่นคงในระยะยาว
“วันนี้ไม่ได้บอกว่า ใครผิดใครถูก รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นโมโนเรลสายแรกของไทยที่เพิ่งเปิดให้บริการ เหตุที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง เป็นประสบการณ์ที่ทั้ง รฟม. และผู้รับสัมปทาน ต้องสั่งสมความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการเดินรถด้วยมาตรฐานที่ดี ซึ่งเหตุแต่ละครั้งจะเป็น KPI ของกระทรวงคมนาคม กรมราง และรฟม.จะต้องไปดูว่าจะต้องหากเกิดซ้ำอีกถือว่าบกพร่อง ตอนนี้ ได้พยายามหาจุดในระบบที่จะไม่ปลอดภัยและป้องกันแก้ไขล่วงหน้าและศึกษาแบบอย่างจากต่างประเทศ และปิดจุดเสี่ยงโอกาสที่จะเกิดเหตุ ผมในฐานะรัฐมนตรีก็มาทดลองเพื่อให้ประชาชนมั่นใจระบบกลับมาปกติและมีระบบป้องกันเพิ่มขึ้น”
ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวถึงการลงโทษผู้ให้บริการกรณีเกิดอุบัติเหตุว่า รฟม.ในฐานะผู้กำกับและบังคับใช้สัญญาก็ต้องปฎิบัติตามสัญญาที่เขียนไว้เป็นตัวอักษร ตนเองไปก้าวล่วงในสัญญาไม่ได้ ทุกคนต้องปฎิบัติตามทุกตัวอักษรที่เขียนในสัญญาอยู่แล้ว
นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) รักษาการแทน ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวรายงานการดำเนินการซ่อมบำรุงเส้นทางรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง ช่วงสถานีกลันตัน-สถานีสวนหลวง ร.9 ผู้รับสัมปทานได้รื้อถอนรางจ่ายกระแสไฟฟ้าและอุปกรณ์ยึดจับรางฯ ที่เสียหายออกจากระบบ เปลี่ยนแผ่นเชื่อมคานทางวิ่ง (Finger Type Expansion Joint) ที่ชำรุด ณ จุดเกิดเหตุเป็นชุดใหม่ และนำรางจ่ายกระแสไฟฟ้าชุดใหม่ขึ้นติดตั้งแทนของเดิม จากนั้น รฟม. ได้ร่วมกับ กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ติดตามการทดสอบระบบต่างๆ และตรวจประเมินความพร้อมของระบบ ก่อนที่ผู้รับสัมปทานจะกลับมาเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองตามปกติครบทั้ง 23 สถานี ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา
โดยรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง เปิดให้บริการระหว่างเวลา 06.00 – 00.00 น. ด้วยความถี่ทุก 10 นาทีต่อขบวน นอกช่วงเวลาเร่งด่วน และความถี่ทุก 5 นาทีต่อขบวน ในช่วงเวลาเร่งด่วน (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 07.00 – 09.00 น. และเวลา 17.00 – 20.00 น.) และหลังจากนี้ รฟม.จะติดตามคุณภาพในการให้บริการและความเชื่อมั่นในการใช้บริการของผู้โดยสารต่อไป ทั้งนี้ รฟม. ยังได้กำชับผู้รับสัมปทานปรับปรุงคู่มือซ่อมบำรุงให้ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ และอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการให้บริการเดินรถแก่ประชาชน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 67)
Tags: EBM, MRT, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สุรพงษ์ เลาหะอัญญา, อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล